องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

เฟนเนล

ชื่อวิทยาศาสตร์   Foeniculum vulgare   var. azoricum  

ชื่อสามัญ  Fennel

ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : [1]

ลักษณะทั่วไป เฟนเนลอยู่ในวงศ์ Apiaceae ( parsley family) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยี่หร่าฝรั่ง” มีต้นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ใบคล้ายขนนก รสชาติหวานหอม มีน้ำมันหอมที่สำคัญ คือ anethole 50 – 80% ส่วนที่รับประทานได้ มีทั้ง “ผล ซึ่งเรามีเรียกว่า “เมล็ด” และส่วนของลำต้นและใบ

การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร เฟนเนลใช้รับประทานสดนำไปแช่ในตู้เย็นช่องเย็นจัดแล้วนำไปรับประทานแกล้มสเต๊กหรือเนื้อย่างต่างๆ  เพื่อดับกลิ่นคาว  นอกจากนี้สามารถนำไปต้ม ตุ๋นหรือลวกเป็นเครื่องเคียงมีรสชาติหวานหอม นิยมนำใบมาตกแต่งโรยในอาหารเช่นเดียวกับผักชี เป็นผักที่ให้แคลเซียมสูงมีประโยชน์ต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ  กระดูกและฟัน  นอกจากนี้เมล็ดและใบยังมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม :  [1]

เฟนเนลสามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แต่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์จะทำให้ก้านใบ อ่อนนุ่มไม่มีเส้นใยเหนียวมาก   ควรปลูกแบบหยอดเมล็ดไม่ควรย้ายกล้าปลูก เพราะจะกระเทือนต่อระบบราก  ต้นที่ไม่ต้องการให้ถอนแยกออกตั้งแต่ต้นอ่อน  นอกจากนี้เมล็ดยังสามารถงอกได้เอง  เมื่อตกถึงดิน  เฟนเนลเจริญได้ดีในสภาพอากาศหนาวเหมือนแครอท คือ อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง 25 – 28 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิสูงกว่า 28 องศาเซลเซียส จะทำให้การเจริญทางใบลดลงความเป็นกรดเป็นด่างของดินที่เหมาะสม 6.5 – 7.5 

การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : [1]

การเตรียมดิน ขุดดินตากแดดโรยปูนขาวอัตรา 0-100 กรัม/ต.ร.ม ทิ้งไว้อย่างน้อย 14 วัน จากนั้นคลุกปุ๋ยคอกอัตรา 1กก./ต.ร.ม และปุ๋ยเคมี15-15-15 ลงในดินให้เข้ากัน

การเตรียมกล้า เพาะกล้าแบบประณีตในถาดหลุม แล้วย้ายกล้าก่อนอายุ25 วัน ก่อนย้ายลงแปลงควรมีการคลุก Tricroderma sp. ในแปลงปลูกเพื่อป้องกันโรคโคนเน่า

การปลูก

ระยะปลูกฤดูฝน 25x25 ซม.(16 ต้น/ต.ร.ม)

ระยะปลูกฤดูหนาว 25x20 ซม. (20 ต้น/ต.ร.ม)

ระยะปลูกฤดูร้อน 20x20 ซม. (25 ต้น/ต.ร.ม) โดยทำหลุมลึก5 ซม.

ข้อควรระวัง ฤดูฝนควรปลูกในโรงเรือน

การให้น้ำ ให้น้ำแบบหยดหรือใช้สปริงเกอร์ อย่าให้น้ำมากหรือน้อยเกินไปและควรให้ทุกวันสม่ำเสมอป้องกันหัวแตก

การให้ปุ๋ย ละลายปุ๋ย 46 – 0 – 0 อัตรา 20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร รดแปลงหลังจากย้ายปลูก20 วัน และใส่ปุ๋ย15 – 1 5 – 15 อัตรา 50 กรัม/ต.ร.ม ประมาณ 15 – 20 วัน หลังจากการใส่ปุ๋ยครั้งแรก โดยโรยปุ๋ย  ห่างจากต้น 10 ซม. แล้วกลบดิน

การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]

ช่วงเก็บเกี่ยว เมื่ออายุ 96 – 120 วัน

การเก็บเกี่ยว

1. เก็บเกี่ยวเมื่ออายุและขนาดเหมาะสม โดยใช้มีดตัดที่โคนต้น

2. ตัดรากและปลายใบทิ้ง ให้เหลือกาบใบยาวประมาณ 30 เซนติเมตร

3. จัดชั้นคุณภาพ บรรจุลงในตะกร้าพลาสติกโดยกรุด้วยกระดาษทั้งตะกร้า

4. ลดอุณหภูมิ จนถึง 1 – 2 องศาเซลเซียส

5. ขนส่งโดยรถห้องเย็น

ข้อกำหนดเรื่องคุณภาพ คุณภาพขั้นต่ำ กาบใบมีสีขาว ผิวเรียบเป็นมัน ลำต้นสะอาด ไม่มีตำหนิจากโรคและแมลง ไม่แตกกอ สด สะอาด ปลอดภัยจากสารเคมี

 การจัดชั้นคุณภาพ

ชั้นหนึ่ง  1. น้ำหนักของหัวเมื่อตัดแต่งแล้ว 250 กรัมขึ้นไป เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นเทียมมากกว่า 9 เซนติเมตร

      2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ

ชั้นสอง  1. น้ำหนักของหัวเมื่อตัดแต่งแล้ว 180 – 250 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นเทียม 7 - 9 เซนติเมตร

      2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ

ชั้น U  1. น้ำหนักของหัวเมื่อตัดแต่งแล้วน้อยกว่า 180 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นเทียมน้อยกว่า 7 เซนติเมตร

      2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ

ข้อกำหนดในการจัดเรียง เฟนเนลในภาชนะบรรจุเดียวกันต้องเป็นพันธุ์เดียวกัน เป็นชั้นคุณภาพเดียวกันและมีคุณภาพสม่ำเสมอกัน

การเตรียมสู่ตลาด

1. ตัดแต่งปลายกาบใบและกำจัดส่วนที่มีตำหนิ

2. บรรจุในถุงพลาสติกเจาะรู

การเก็บรักษา อุณหภูมิ 1 – 2 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 95 เปอร์เซ็นต์

 

เอกสารอ้างอิง :

[1] หนังสือเรื่องการปลูกผักบนพื้นที่สูง

[2] ตุลาคม 2545.คู่มือการจัดชั้นคุณภาพผัก.กองพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์