องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

เฮลิโคเนีย

เฮลิโคเนีย Heliconia spp. เป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย ต้องการดูแลรักษาไม่มากนัก เมื่อเทียบกับไม้ดอกชนิดอื่น ตอบสนองต่อน้ำ ปุ๋ย และแสงดีมาก มีความต้านทานต่อโรคและแมลง ขยายพันธุ์ได้ค่อนข้างเร็วเป็นที่นิยมในวงการตกแต่งสวน ถ้าเป็นไม้ตัดดอกอายุการใช้งาน มีความหลากหลายด้านรูปทรงและสีเป็นที่นิยมปลูกเป็นการค้า ส่วนในประเทศไทยนิยมปลูกมากในจังหวัดนนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี เชียงใหม่ และกาญจนบุรี ในส่วนของการผลิตจำหน่ายเป็นไม้ตัดดอกนั้นส่วนมากจะนิยมพันธุ์ดอกเล็ก ซึ่งง่ายต่อการจัดการ กาขนส่งตลอดจนผู้บริโภคนำไปใช้จะสะดวกกว่า ส่วนดอกใหญ่ก็เป็นที่นิยม เช่นกันแต่จะยุ่งยากในเรื่องการจัดการและการขนส่ง เนื่องจากดอกใหญ่ย่อมมีน้ำหนักมาก ตลาดในประเทศไทย คือ ปากคลองตลาด และต่างจังหวัดจะมีบ้างตามร้านขายดอกไม้ ส่วนต่างประเทศ คือ สหรํฐอเมิกา และญี่ปุ่น

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

แสง  สามารถปลูกได้ตั้งแต่กลางแจ้งถึงรำไร สำหรับดอกใหญ่ควรมรการพรางแสงในช่วงแรก ตอนปลูกใหม่ ส่วนพันธุ์ดอกเล็กมักปลูกกลางแจ้งได้ดี

ความยาววัน บางชนิดออกดอกตลอดปี ไม่ขึ้นกับความยาววัน

อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นจะกรุตุ้นการเจริญของดอกให้เร็วข้น ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น อุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยาระหว่าง 21 องศาเซลเซียสถึง 25 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส การเจริญจะไม่ปกติ

วัสดุปลูก ชอบดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี ชอบดินเป็นกรดถึงด่างเล็กน้อย

การขยายพันธุ์

ใช้เมล็ด

เฮลิโคเนียมักจะผสมตัวเองแลมีการผสมข้ามชนิด และในบางครั้งจะมีการผสมโดยแมลง เช่น ค้างคาว ซึ่งมักจะดูดน้ำหวานจากดอก

การเพาะเมล็ด

ทำโดยนำเมล็ดที่แก่มักจะมีสีแดงหรือน้ำเงิน กำจัดส่วนที่เป็นเนื้อออกเพาะในกระบะโดยใช้วัสดุเพาะทราย : ขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1:1 และรักษาความชื้นโดยใช้เวลางอกภายใน 2 อาทิตย์

วิธีแยกกอ

แยกเป็นส่วนๆให้มีลำต้นเทียม และเหง้าติดอยู่ 1-2 ต้น จุ่มในยาฆ่าเชื้อรานำไปชำในถุงพลาสคิกที่ใส่วัสดุเพาะชำที่ระบายน้ำได้ดี เช่นทราย และขุยมะพร้าว หรือดินผสมชำในที่ร่มรำไร ประมาณ 4 สัปดาห์ รากและหน่อใหม่จะเริ่มงอกสามารถนำไปปลูกได้

การขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกกอ ส่วนมากจะแยะในช่วงฤดูฝนจะทำให้เปอร์เซ็นต์การตายมีน้อยมาก

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

ในประเทศไทยนัน้เริ่มมีการขยายพันธุ์เฮลิโคเนียวิธีนี้มากขึ้น เพราะจะไปริมาณมากและปลอดโรค

การเตรียมแปลงปลูกและวิธีปลูก 

การปลูกถ้าเป็นชนิดดอกเล็กควรยกแปลง เตรียมพื้นที่ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกโดยขนาดของแปลงควรกว้าง 1.5-2 เมตร ทางเดินประมาณ 50-70 เซนติเมตร หรืออาจจะขุดเป็นหลุมปลูกเฉพาะต้น สำหรับพันธุ์ดอกใหญ่ปลูกโดยไม่ยกร่อง ระยะการปลูกนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของแต่ละพันธุ์ ระบบของเหง้าเป็นแบบแผ่กระจายหรือเป็นกลุ่มและการเจริญเติบโตส่วนใหญ่ที่ปลูกระยะระหว่างต้นในกลุ่มดอกเล็กใช้ 0.75-1 เมตร ดอกใหญ่ใช้ 1.5-2 เมตร ระหว่างแถวอกเล็กใช้ 1-1.5 เมตร ดอกใหญ่ใช้ระยะเวลา 2-3 เมตร ปลูกให้เหง้าลึก 5-10 เซนติเมตร สำหรับดอกเล็ก ดอกใหญ่ลึก 10-15 เซนติเมตร

การดูแลรักษา 

การตัดแต่ง

เมื่อปลูกได้ 2-5 ปี กอจะแน่น เฮลิโคเนียชนิดที่ขยายกอเร็วควรตัดแต่งครั้งใหญ่โดยตัดใบทั้งหมดทิ้งในระดับผิวดินหลังจากปลูกได้ 2 ปี หลังจากนั้นหน่อจะแทงขึ้นใหม่

การให้ปุ๋ย

ตอนเตรียมแปลง หรือเตรียมหลุมควรให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้วผสมลงไปด้วย นอกจากจะให้ธาตุอาหารแล้วยังทำให้ดินร่วนซุย จะทำให้เฮลิโคเนียแทงหน่อและแตกกอได้เร็วขึ้น สำหรับปุ๋ยเคมีส่วนมากใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เดือนละครั้ง ปริมาณการให้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนลำต้น เฮลิโคเนียเป็นพืชตอบสนองต่อปุ๋ยดีมาก

โรคและแมลง

ส่วนใหญ่เฮลิโคเนียจะไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องโรคมานักจะมีบ้างเพียงเล็กน้อยคือ โรครากเน่า เกิดจากเชื้อรา Rhizoctonia ส่วนแมลงมักพบเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง ด้วงกินใบ และจะพบไรเมื่อากาศแห้ง

การให้น้ำ

เฮลิโคเนียเป็นพืชที่ชอบน้ำ ถ้าน้ำไม่เพียงพอจะแสดงอาการใบห่อ จะให้น้ำโดยระบบสปริงเกอร์ หรือแบบร่อง

การใช้ประโยชน์ของเฮลิโคเนีย

ทำเป็นไม้ดอก เนื่องจากเฮลิโคเนียมีขนาดแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ ดังนั้นการนำไปปักแจกันจึงควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม น ใช้พันธุ์ดอกใหญ่ในการปักแจกันในห้องโถงใหญ่ เช่น โรงแรม ส่วนพันธุ์ดอกเล็กควรใช้กับแจกันขนาดเล็ก

การเก็บเกี่ยว 

ระยะเก็บเกี่ยว

ระยะที่เหมาะสมในการตัดดอก คือ เมื่อกลีบประดับปิดออกได้ประมาณ 2 ใน 3 ส่วน ทั้งนี้เนื่องจากกลีบประดับจะไม่เปิดออกอีก หลังจากตัดแล้วอายุการใช้งานจะออยู่ได้นานกว่าเมื่อตัดในช่วงที่ยังอ่อนอยู่ ช่วงเวลาในการตัดดอกควรตัดก่อนเวลา 8.00 น.

วิธีการตัดดอก

ควรตัดระดับผิวดินเพื่อเป็นการตัดแต่งกอไปด้วย สำหรับเฮลิโคเนียดอกใหญ่เมื่อตัดดอกแล้วควรดึงกาบใบออกเหลือไว้ประมาณ 3-4 กาบ และตัดใบทิ้งเหลือก้านใบเหนือช่อดอกประมาณ 1-2 นิ้ว ส่วนเฮลิโคเนียช่อเล็กควรเหลือใบสุดท้ายไว้ 1-2 ใบ เพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่างการขนส่งส่วนการนำไปใช้ผูบริโภคจะตัดใบทิ้งหรือไม่แล้วแต่ความชอบ เมื่อตัดดอกแล้วควรแช่น้ำทันที

การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว 

หลังจากตัดดอกควรนำช่อดอกแช่น้ำในอ่างหรือถังขนาดใหญ่ให้มิดช่อดอก ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในขั้นตอนนี้ควรทำความสำอาดไปด้วย กลีบประดับของเฮลิโคเนียจะมีส่วนของช่อดอกแห้งและมีน้ำขังอยู่ด้วยในช่อดอกตลอดจนพวกหอย แมลง สิ่งสกปรกอื่น จำเป็นต้องทำความสำอาด โดยเฉพาะเฮลิโคเนียพันธุ์ดอกเล็กเมื่อตัดได้ไม่นานที่ติดอยู่จะม้วนลักษณะนี้แก้ไขได้โดยการแช่น้ำเป็นเวลาก่อนการขนส่ง

การขนส่ง

ช่อดอกควรห่อด้วยกระดาษปรุ๊ฟชนิอ่อนหรือสวมด้วยซองพลาสติกสำหรับชนิดช่อใหญ่ส่วนช่อเล็กควรมัดเป็นกำๆ กำละ 10-20 ก้าน กานหุ้มด้วยสำลีชุบน้ำรองด้วยถุงพลาสติกใสอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ได้รับน้ำตลดอเวลา และสวมด้วยซองพลาสติกหรือหุ่มกระดาษปรุ๊ฟชนิดอ่อนตรงบรเวณช่อดอกเพื่อป้องกันการบอบซ้ำของซองดอก หลังจากนั้นนำมาบรรจุลงกล่องขนาดใหญ่ ถ้าหากบรรจุหลายชั้นแต่ละขั้นควรรองด้วยกระดาษฝอย ถ้าเป็นขนาดช่อใหญ่ควรบรรจุกล่องละไม่เกิน 20 ช่อ เพราะมีน้ำหนักมาก เมื่อถึงผู้บริโภคร้านจำหน่ายดอกไม้ควรแช่น้ำในถังเก็บที่อุณหภูมิ 13-15 องศาเซลเซียส 

อายุการใช้งาน ถ้าเป็นชนิดดอกเล็กจะอยู่ได้นาน 2 อาทิตย์ ส่วนชนิดช่อดอกใญ่จะอยู่ได้นานประมาณ 1 อาทิตย์ กลีบประดับจะเร่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล

การทำเป็นไม้กระถาง ส่วนมากจะไม่นิยมทำเป็นไม้กระถาง เพราะมีขีดจำกัดเนื่องจากลำต้นใหญ่ การผลิตเป็นไม้กระถางควรเป็นชนิดดอกเล็กเช่น H.goden Torch, H.angusta “Holiday”

การทำเป็นไม้ตกแต่งสวน นิยมปลูกประดับบรรยากาศป่าเขตร้อน


เอกสารอ้างอิง :

มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน). 2549. คู่มือการผลิตไม้ตัดดอกและไม้ตัดใบ. มูลนิธิโครงการหลวง. เชียงใหม่. 375 หน้า.