ขมิ้น บนพื้นที่สูง

ขมิ้น (Tumeric)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma longa L.
ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่นๆ : ขมิ้นชัน ขมิ้นแกง ขี้มิ้น เสยอ (กะเหรี่ยง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
เป็นไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี สูง 30-90 ซม. มีเหง้าใต้ดินเป็นรูปไข่ มีแขนงเป็นรูปทรงกระบอก แตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงข้ามกัน เนื้อในเหง้ามีสีเหลืองส้ม มีกลิ่นเฉพาะ ใบเดี่ยวแทงออกจากเหง้า เรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม. ช่อดอกแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ เป็นรูปทรงกระบอก กลีบมีดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับมีสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ 3-4 ดอก ผลเป็นรูปกลม มี 3 พู
นิเวศวิทยา : พบทั่วทุกภาคของประเทศ เจริญเติบโตได้ดีในที่ดอน สภาพดินร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ อากาศค่อนข้างร้อน และมีความชุ่มชื้นในเวลากลางคืน
การเพาะขยายพันธุ์ : แยกหน่อหรือแบ่งเหง้า
- โดยเลือกเหง้าแก่อย่างน้อย อายุ 7 - 9 เดือน แบ่งให้มีตาอย่างน้อย 3 - 5 ตา
- การเตรียมพื้นที่ปลูก คือ ระยะปลูก 30 x 30 ซม. ประมาณ 10,000 ต้น/ไร่
อายุการเก็บเกี่ยว : ควรเก็บเกี่ยวเหง้าที่มีอายุ 9 - 11 เดือน ช่วงเวลาการเก็บที่เหมาะสมคือฤดูแล้งเมื่อส่วนต้นแห้งและพักตัว หรือประมาณเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งระยะนี้เป็นช่วงที่เหง้ามีการสะสมสารสำคัญสูงที่สุด
สรรพคุณ : มีฤทธิ์ขับลม รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง แน่น จุกเสียด อาหารไม่ย่อย ฆ่าเชื้อรา ป้องกันตับอักเสบ รักษาสิว โรคกระเพาะ แผลพุพอง บำรุงผิว
สารสำคัญและข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง :
ขมิ้นชันมีสารออกฤทธิ์ 2 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มน้ำมันหอมระเหย (volatile oil) ประกอบด้วย สารกลุ่มมอโนเทอร์ปีน (monoterpenes) สารกลุ่มเซสควิเทอร์ปีน (sesquiterpenes) เช่น เทอร์เมอโรน (turmerone) เออาร์-เทอร์เมอโรน (ar-tumerone) ซิงจิเบอรีน (zingiberene) เคอโลน (curtone)
2.กลุ่มสารสีเหลืองในกลุ่มเคอร์คูมินอยด์ (curcuminoid) เช่น เคอร์คูมิน (curcumin) เดสเมทอกซีเคอร์คูมิน ผdesmethoxycurcumin)
ขมิ้นชันสดมีคาร์โบไฮเดรต 69.4% น้ำมันหอมระเหย 5.8% แร่ธาตุต่าง ๆ 3.5% โปรตีน 6.3% และความชื้น 13.1%
ขมิ้นชันผงมีน้ำมันหอมระเหย 2.4–14% ไขมัน 4.4–12.7% และความชื้น 10–12%
จากการทดลองโดยใช้หนู พบว่า ขมิ้นมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคไขข้ออักเสบ และอาการผิดปกติของร่างกาย มีรายงานว่าสารสกัดจากขมิ้นมีฤทธิ์ในการต้าน HSV-1 สูง โดยมีค่า IC50 น้อยกว่า 50 ไมโครกรัม/มล.
ข้อมูลการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาบนพื้นที่สูง (ปีงบประมาณ 2563-2565)
ขมิ้น จำนวน 10 ตัวอย่าง จากแหล่งปลูกพื้นที่ห้วยเป้า โหล่งขอด ดอยปุย ปางมะโอ แม่มะลอ สบโขง ปางหินฝน ห้วยส้มป่อย อมก๋อย และพันธุ์แดงสยาม
- มีการวิเคราะห์สารสำคัญ 7 ตัวอย่าง พบปริมาณสารสำคัญ คือ เคอร์คูมินอยค์ ไม่น้อยกว่า 5% ทุกตัวอย่าง โดยพันธุ์ของขมิ้นจากพื้นที่แม่มะลอ มีปริมาณสูงสุดคือ 14.3% (ตารางที่ 1)
เมื่อนำพันธุ์ขมิ้นจากแต่ละแหล่งมาทดสอบปลูกเป็นระยะเวลา 2 ปี
- ผลเปรียบเทียบพื้นที่ปลูก พบว่า ดอยปุย ซึ่งมีความสูงในระดับ 500-1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีแนวโน้มให้ผลผลิตดีที่สุด รองลงมาคือ ปางมะโอ (500-1,000 เมตร) และปางหินฝน (มากกว่า 1,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล) ตามลำดับ
- ผลเปรียบเทียบแหล่งพันธุ์ที่นำมาปลูก พบว่า ทุกแหล่งพันธุ์ให้ผลผลิตไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการวิเคราะห์ดินในแปลงปลูก (ตารางที่ 2) จำนวน 7 ตัวอย่าง จากแหล่งปลูกพื้นที่ห้วยเป้า โหล่งขอด ดอยปุย ปางมะโอ แม่มะลอ สบโขง และปางหินฝน พบว่า
- ค่า organic matter มีค่าสูงสุดพื้นที่สบโขง 7.51% รองลงมาคือปางมะโอ 6.74% ดอยปุย 1.12% และห้วยเป้า 0.83% ตามลำดับ
- ค่า cation exchange capacity มีค่าสูงสุดในพื้นที่ปางมะโอ 22.37 รองลงมาคือสบโขง 22.12 และต่ำที่สุดในพื้นที่ห้วยเป้า 3.94
- ค่า nitrogen รวมทั้งหมดมีค่าสูงสุดในพื้นที่ปางมะโอ 0.26% รองลงมาคือดอยปุยและสบโขง 0.18% และมีค่าต่ำที่สุดในพื้นที่ปางหินฝน 0.03%
- ค่า nitrate ที่ปางหินฝนต่ำสุด คือ 26.68 และที่โหล่งขอดสูงสุด คือ 71.75
- ค่า ammonium มีค่าสูงที่สุดในพื้นที่โหล่งขอด 13.45 รองลงมาคือปางหินฝน 11.43 สบโขง 3.74 และแม่มะลอ 3.67 ตามลำดับ
- ค่า available phosphorus มีค่าสูงสุดในพื้นที่ดอยปุย 124.64 รองลงมาคือปางกินวน 115.11 ปางมะโอ 10.39 และห้วยเป้า 6.06 ตามลำดับ
- ค่า exchangeable potassium มีค่าสูงสุดในพื้นที่แม่มะลอ 783.88 รองลงมาคือปางหินฝน 523.03 โหล่งขอด 131.58 และห้วยเป้า 115.08 ที่ตามลำดับ
- ค่า pH ใกล้เคียงกัน ระหว่าง 5.39-6.69
โดยมีแนวโน้มตัวอย่างดินใน แปลงห้วยเป้าซึ่งเป็นดินร่วนมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำสุด และแปลงปางมะโอและปางหินฝนซึ่งเป็นดินเหนียวมีความอุดมสมบูรณ์สูงและสูงสุด เมื่อเทียบกับตัวอย่างดินจากแปลงพื้นที่อื่น
การศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพของขมิ้นที่ปลูกบนพื้นที่สูงใน 3 ระดับ คือ ระดับความสูงต่ำกว่า 800 เมตร 801-1,000 เมตร และมากกว่า 1,001 เมตร จากระดับน้ำทะเล จากการศึกษา ขมิ้นจาก 7 แหล่ง 32 ตัวอย่าง พบว่า ขมิ้นอายุ 2 ปี ที่ปลูกในระดับความสูงต่ำกว่า 800 เมตร มีค่าเฉลี่ยของปริมาณเคอร์คูมินอยด์สูงที่สุดคือ 7.76 % ส่วนในระดับความสูง 801-1,000 เมตร และมากกว่า 1,001 เมตร มีค่าเฉลี่ยของปริมาณเคอร์คูมินอยด์ต่ำกว่ามาตรฐานพืชสมุนไพร (THAI Herbal Pharmacopoeia) หลายตัวอย่าง (ตารางแสดง)
เอกสารอ้างอิง:
- สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.). 2562. ร่าง มาตรฐานสินค้าเกษตร แนวปฏิบัติในการใช้มาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติงานทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชสมุนไพร. สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรุงเทพมหานคร.
- อัปสร วิทยประภารัตน์ และ สุพินญา ขันติภาพ. 2563. รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการย่อยที่ 1 ศึกษาแนวทางการจัดทำมาตรฐานวัตถุดิบพืชสมุนไพร (Product Spec) บนพื้นที่สูง โครงการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรและยาพื้นบ้านของชุมชนบนพื้นที่สูง. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 82 หน้า.
- อัปสร วิทยประภารัตน์ และ พชรธิดา ชมภูทา. 2564. รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการย่อยที่ 1 การใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มพืชสมุนไพรและยาพื้นบ้านจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและอัตลักษณ์พื้นที่สูง โครงการย่อยภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรและยาพื้นบ้านของชุมชนบนพื้นที่สูง. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 184 หน้า.
- อัปสร วิทยประภารัตน์ และ พชรธิดา ชมภูทา. 2565. รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการศึกษาภูมิปัญญาและคัดเลือกพืชสมุนไพรบนพื้นที่สูงที่มีศักยภาพในการสร้างเศรษฐกิจระดับชุมชน. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 218 หน้า.
- อัปสร วิทยประภารัตน์ และ พชรธิดา ชมภูทา. 2566. รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 33 หน้า.
- Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health. 2017. Thai Herbal Pharmacopoeia 2017. Nonthaburi, Thailand. 699 p.
เขียน/ เรียบเรียงเรื่องโดย : อัปสร วิทยประภารัตน์ และพชรธิดา ชมภูทา
ออกแบบและเผยแพร่สื่อออนไลน์โดย เนตรชนก สายคง สำนักยุทธศาสตร์และแผน