องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

ไพล บนพื้นที่สูง

ไพล (Cussumuna ginger)

ชื่อวิทยาศาสตร์   : Zingiber cassumunar Roxb.

ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE

ชื่ออื่นๆ : ปูเลย แปลโค่ (กะเหรี่ยง) 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีเหลืองแกมเขียว มีกลิ่นฉุนเฉพาะ หน่อหรือลำต้นเทียมแทงขึ้นเป็นกอ ประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 เซนติเมตร และยาว 18-35 เซนติเมตร ช่อดอก แทงออกจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกมีสีนวล ใบประดับสีม่วง ผลเป็นผลแห้ง รูปทรงกลม 

นิเวศวิทยา : พบขึ้นกระจายทั่วไป ในที่ดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศค่อนข้างร้อน และมีความชุ่มชื้นในเวลากลางคืน

การเพาะขยายพันธุ์ : แยกหน่อหรือแบ่งเหง้า

  • โดยเลือกเหง้าแก่ อายุมากกว่า 1 ปี มีตาสมบูรณ์ 3 - 5 ตา
  • การเตรียมพื้นที่ปลูก คือ ระยะปลูก 50 x 50 ซม. ประมาณ 4,000 ต้น/ไร่

อายุการเก็บเกี่ยว : การเก็บเกี่ยวไพล สามารถเลือกระยะเก็บเกี่ยวได้ตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้ เช่น

1.ไพลที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับทำลูกประคบหรือส่วนผสมอื่นๆ ในยาสมุนไพร ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 8 เดือน ถึง 1 ปี

2.ไพลที่นำไปสกัดน้ำมันหอมระเหย ควรเก็บเมื่ออายุ 2 ปี

ช่วงเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมสำหรับการเก็บผลผลิตคือ ช่วงฤดูแล้ง หรือประมาณเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ขณะที่ลำต้นพักตัว ซึ่งเป็นช่วงที่สะสมอาหารและมีปริมาณสารสำคัญสูงสุด ไม่ควรเก็บช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่แตกหน่อใหม่

สรรพคุณ : มีฤทธิ์ช่วยลดอาการปวดบวม และต้านการอักเสบได้ ต้านแบคทีเรีย โรคผิวหนัง มีฤทธิ์แก้ปวด ฤทธิ์ต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ

สารสำคัญและข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง :

ไพลมีองค์ประกอบทางเคมีเป็นน้ำมันหอมระเหยไม่น้อยกว่า 0.8 % แต่โดยทั่วไปมีสารกลุ่มมอโนเทอร์ปีน (monoterpene) เป็นหลัก เช่น แอลฟา-ไพนีน (-pinene) ซาบินีน (sabinene) แอลฟาขเทอร์พินีน (-terpinene) แกมมา-เทอร์พินีน (-terpinene) เทอร์พีน-4-ออล (terpene-4-ol) นอกจากนี้ยังมีสารสีเหลืองเคอร์คูมีน (curcumin) และอนุพันธ์แนฟโทควีโนน (naphthoquinone derivatives) อีกด้วย

นอกจากนี้ยังสารในกลุ่ม phenylbutenoids ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ระงับปวดและลดไข้ สาร (E)-4-(3’, 4’-dimethoxy phenyl)-but-3-en-1-ol ซึ่งเป็นชนิดหนึ่งในกลุ่ม phenylbutenoids มีฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อมดลูกของหนูทดลองในการทดลองในหลอดแก้วและสาร 1-(3, 4-dimethoxy-phenyl)-buta-trans-2, 3-diene เป็นอีกชนิดหนึ่งของสารในกลุ่มเดียวกันนี้ที่มีฤทธิ์ในการลดอาการอักเสบของหนูทดลอง

น้ำยาสกัดจากเหง้าโดยใช้เมทานอล มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการขับน้ำดีในหนูทดลองที่ถูกวางยาสลบ

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ที่ได้จากน้ำยาสกัดจากพืชชนิดนี้คือ ลดการทำงานของหัวใจ ลดความแรงในการเต้นของหัวใจ ยับยั้งหัวใจเต้นผิดปกติ ลดการหดเกร็งของลำไส้ ลดความดันโลหิต ต้านฮีสตามีน คลายกล้ามเนื้อเรียบและทำให้โครโมโซมผิดปกติ

ข้อมูลการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาบนพื้นที่สูง (ปีงบประมาณ 2563-2565)

ไพล จำนวน 6 ตัวอย่าง จากแหล่ง ห้วยเป้า โหล่งขอด แม่มะลอ ดอยปุย สบโขง และปางหินฝน

  • มีปริมาณสารสำคัญ คือ น้ำมันหอมระเหย ไม่น้อยกว่า 2% ทุกตัวอย่าง โดยพันธุ์ของไพลจากพื้นที่สบโขง มีปริมาณสูงสุดคือ 7.2% (ตารางที่ 1)

เมื่อนำพันธุ์ไพลจากแต่ละแหล่งมาทดสอบปลูกเป็นระยะเวลา 2 ปี

  • ผลเปรียบเทียบพื้นที่ปลูก พบว่า ดอยปุย ซึ่งมีความสูงในระดับ 500-1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีแนวโน้มให้ผลผลิตดีที่สุด ส่วนปางมะโอและปางหินฝน มีความสูงในระดับ 500-1,000 เมตร และ มากกว่า 1,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มีแนวโน้มให้ผลผลิตดีรองมา ตามลำดับ
  • ผลเปรียบเทียบแหล่งพันธุ์ที่นำมาปลูก พบว่า ห้วยส้มป่อย ซึ่งมีความสูงในระดับ มากกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีแนวโน้มให้ผลผลิตดีที่สุด ส่วนโหล่งขอด แม่มะลอ และดอยปุย มีความสูงในระดับ ต่ำกว่า 500 เมตร และ 500-1000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มีแนวโน้มให้ผลผลิตดีรองมา


ผลการวิเคราะห์ดินในแปลงปลูก (ตารางที่ 2) จำนวน 7 ตัวอย่าง จากแหล่งปลูกพื้นที่ห้วยเป้า โหล่งขอด ดอยปุย ปางมะโอ แม่มะลอ สบโขง และปางหินฝน พบว่า

  • ค่า organic matter มีค่าสูงที่สุดคือพื้นที่สบโขง มีค่า 7.51% รองลงมาคือ ปางมะโอ 6.74% ดอยปุย 1.12% และ ห้วยเป้า 0.83% ตามลำดับ
  • ค่า cation exchange capacity มีค่าสูงสุดในพื้นที่ปางมะโอ 22.37 รองลงมาคือ สบโขง 22.12 และห้วยเป้า 3.94 ตามลำดับ
  • ค่า nitrogen รวมทั้งหมดมีค่าสูงสุดในพื้นที่ปางมะโอ 0.26% รองลงมาคือดอยปุยและสบโขง 0.18% และปางหินฝน 0.03% ตามลำดับ
  • ค่า nitrate มีค่าสูงที่สุดในพื้นที่โหล่งขอด 71.75 ส่วนพื้นที่ปางหินฝนมีค่าต่ำสุด คือ 26.68
  • ค่า ammonium มีค่าสูงสุดในพื้นที่โหล่งขอด 13.45 รองลงมาคือพื้นที่สบโขง 3.74 และแม่มะลอ 3.67 ตามลำดับ
  • ค่า available phosphorus มีค่าสูงที่สุดในพื้นที่ดอยปุย 124.64 รองลงมาคือปางหินฝน 115.11 ปางมะโอ 10.39 และห้วยเป้า 6.06 ตามลำดับ
  • ค่า exchangeable potassium มีค่าสูงที่สุดในพื้นที่แม่มะลอ 783.88 รองลงมาคือปางหินฝน 523.03 โหล่งขอด 131.58 และห้วยเป้า 115.08 ตามลำดับ
  • ค่า pH ใกล้เคียงกัน ระหว่าง 5.39-6.69

โดยมีแนวโน้มตัวอย่างดินใน แปลงห้วยเป้าซึ่งเป็นดินร่วนมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำสุด และแปลงปางมะโอและปางหินฝนซึ่งเป็นดินเหนียวมีความอุดมสมบูรณ์สูงและสูงสุด เมื่อเทียบกับตัวอย่างดินจากแปลงพื้นที่อื่น

ารศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพของไพลขมิ้นที่ปลูกบนพื้นที่สูงใน 3 ระดับ คือ ระดับความสูงต่ำกว่า 800 เมตร 801-1,000 เมตร และมากกว่า 1,001 เมตร จากระดับน้ำทะเล จากการศึกษา ไพลจาก 3 แหล่ง 14 ตัวอย่าง พบว่า ไพลอายุ 2 ปี ทุกตัวอย่างมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยสูงกว่ามาตรฐานพืชสมุนไพรทุกตัวอย่าง และไพลที่ปลูกที่ระดับความสูง 801-1,000 เมตร มีค่าเฉลี่ยของปริมาณน้ำมันหอมระเหยสูงที่สุดคือ 6.96 % (ตารางที่ 3)


เอกสารอ้างอิง:

สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.). 2562. ร่าง มาตรฐานสินค้าเกษตร แนวปฏิบัติในการใช้มาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติงานทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชสมุนไพร. สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรุงเทพมหานคร.

อัปสร วิทยประภารัตน์ และ สุพินญา ขันติภาพ. 2563. รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการย่อยที่ 1 ศึกษาแนวทางการจัดทำมาตรฐานวัตถุดิบพืชสมุนไพร (Product Spec) บนพื้นที่สูง โครงการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรและยาพื้นบ้านของชุมชนบนพื้นที่สูง. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 82 หน้า.

อัปสร วิทยประภารัตน์ และ พชรธิดา ชมภูทา. 2564. รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการย่อยที่ 1 การใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มพืชสมุนไพรและยาพื้นบ้านจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและอัตลักษณ์พื้นที่สูง โครงการย่อยภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรและยาพื้นบ้านของชุมชนบนพื้นที่สูง. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 184 หน้า.

อัปสร วิทยประภารัตน์ และ พชรธิดา ชมภูทา. 2565. รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการศึกษาภูมิปัญญาและคัดเลือกพืชสมุนไพรบนพื้นที่สูงที่มีศักยภาพในการสร้างเศรษฐกิจระดับชุมชน. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 218 หน้า.

อัปสร วิทยประภารัตน์ และ พชรธิดา ชมภูทา. 2566. รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน), เชียงใหม่. 33 หน้า.

Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health. 2017. Thai Herbal Pharmacopoeia 2017. Nonthaburi, Thailand. 699 p.


เขียน/ เรียบเรียงเรื่องโดย : อัปสร วิทยประภารัตน์ และพชรธิดา ชมภูทา

ออกแบบและเผยแพร่สื่อออนไลน์โดย เนตรชนก สายคง สำนักยุทธศาสตร์และแผน