องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

ดินปนเปื้อนโลหะหนัก? กัญชงช่วยได้!

กัญชง (Cannabis sativa L.) เป็นพืชที่ได้รับความสนใจในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นพืชที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วน เจริญเติบโตเร็ว มีอายุการเก็บเกี่ยวสำหรับการปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นใยเพียง 75-90 วัน โดยเปลือกกัญชงสามารถนำมาใช้เป็นเส้นใยใช้ได้ทั้งงานหัตถกรรม ตามวิถีชาวเขาเผ่าม้ง และในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ส่วนของแกนลำต้นนำมาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เช่น เฮมพ์กรีต เสา คาน หลังคา วัสดุมวลเบา ปาติเกิ้ลบอร์ด นอกจากนั้นยังสามารถใช้เป็นวัสดุคอมโพสิต และเยื่อกระดาษ ได้ ส่วนของเมล็ดใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง เช่น น้ำมันเมล็ดกัญชง เฮมพ์นัท เฮมพ์บาร์ เซรั่มบำรุงผิว ครีมกันแดด เป็นต้น ส่วนใบและช่อดอกสามารถสกัดสาร CBD (Cannabidiol) ใช้ในอุตสาหกรรมยา จากการใช้ประโยชน์เหล่านี้แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการนำกัญชงมาใช้ประโยชน์ในฐานะพืชที่สามารถใช้ฟื้นฟูดินที่ปนเปื้อนโลหะหนัก (Phytoremediation) ในต่างประเทศมีการทดสอบปลูกกัญชงบนดินที่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก Linger et al., 2002 ได้ปลูกทดสอบในดินที่ปนเปื้อนโลหะหนักได้แก่ นิเกิล (Ni) ตะกั่ว (Pb) และแคดเมียม (Cd) เพื่อดูคุณภาพของเส้นใยและศักยภาพในการฟื้นฟูสภาพดิน ซึ่งการสะสมโลหะหนักในส่วนต่างๆของกัญชงมีความแตกต่างกัน โดยที่ใบกัญชงมีการสะสมโลหะหนักสูงที่สุด นอกจากนั้นกัญชงแสดงให้เห็นศักยภาพในการฟื้นฟูสภาพดินด้วยพืชจากการดูซับแคดเมียมที่ 126 g/ha ต่อรอบปลูก และพบว่าคุณสมบัติของเส้นใยกัญชงที่ปลูกในดินปนเปื้อนกับในดินที่ไม่ปนเปื้อนโลหะหนักไม่แตกต่างกัน ส่วน Flajsman et al., 2023 ได้ปลูกทดสอบกัญชงอุตสาหกรรม 2 สายพันธุ์ ได้แก่ Futura 75 และ Tisza ปลูกในพื้นที่ 3 แห่งที่มีระดับการปนเปื้อนโลหะหนักแตกต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) ในบริเวณ Celje Valley ประเทศสโลวีเนีย จากนั้นทำการวิเคราะห์ปริมาณของ ตะกั่ว (Pb) สังกะสี (Zn) และแคดเมียม (Cd) ในส่วนต่างๆของพืช พบว่า กัญชงที่ปลูกในพื้นที่ปนเปื้อนสูงสามารถสะสมโลหะหนักได้สูงที่สุด รองลงมาคือพื้นที่ปนเปื้อนปานกลาง และต่ำสุดในพื้นที่ปนเปื้อนต่ำ แสดงให้เห็นว่า ปริมาณโลหะหนักในดินส่งผลต่อระดับการสะสมโลหะหนักในพืช และมีศักยภาพในการฟื้นฟูสภาพดิน ของตะกั่ว และแคดเมียม สูงที่สุดในพื้นที่ปนเปื้อนหนัก (3.80 และ 0.23 g/ha ต่อรอบการปลูก) ขณะที่ ศักยภาพในการฟื้นฟูสภาพดินของสังกะสีสูงสุดในพื้นที่ปนเปื้อนต่ำ (148.5 g/ha ต่อรอบการปลูก) เนื่องจากให้ผลผลิตสูงกว่า

ในพื้นที่อำเภอพบพระ จังหวัดตากเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกกัญชงมากที่สุดในประเทศไทยเพื่อใช้ประโยชน์ตามวิถีชนเผ่าม้งแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตกัญชงในแบบอุตสหกรรมที่มีความพร้อมและขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันพื้นที่อำเภอพบพระมีปัญหาในเรื่องของโลหะหนักในดิน เนื่องจากการเป็นดินที่มีแหล่งกำเนิดจากสายแร่ธรรมชาติ ดังนั้น สวพส. จึงได้ปลูกทดสอบกัญชงพันธุ์ RPF1 RPF2 RPF3 และ RPF4 โดยการวิเคราะห์ปริมาณโลหะหนักในดินจากแปลงทดสอบ พบว่าปริมาณสารหนู (As) ตะกั่ว (Pb) ทองแดง (Cu) ดีบุก (Sn) และสังกะสี (Zn) ในดินก่อนปลูกลดลงหลังจากปลูกกัญชงพันธุ์ RPF1-4 โดยสารหนูลดลง 8.24 1.85 9.05 และ 3.07 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ สารตะกั่วลดลง 22.64 5.35 13.26 และ 3.33 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ปริมาณทองแดง 16.77 0.24 4.82 และ 6.78 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ และสังกะสี 7.85 1.14 4.79 และ 2.70 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ แต่ไม่สามารถตรวจพบปริมาณแคดเมียม (Cd)* และปรอท (Hg) * ในดินก่อนและหลังปลูกกัญชง ซึ่งจากการวิเคราะห์อาจจะมีหรือไม่มีสารที่ตรวจสอบ ซึ่งปริมาณที่ตรวจสอบได้น้อยที่สุดอยู่ที่ 2.10 mg/kg (ภาพที่ 1-2)

ส่วนการดูดซับโลหะหนักของกัญชงพบว่ามีการดูดซับทั้ง สารหนู ตะกั่ว และแคดเมียม แม้ว่าแคดเมียมจะไม่สามารถตรวจพบในดิน โดยจะมีการสะสมอยู่ในส่วนของรากมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ใบ แกน เปลือก และใบยอด โดยพันธุ์ RPF2 สามารถดูดซับสารหนู สารตะกั่ว และแคดเมียม ไว้ทั้งต้นได้มากที่สุด ส่วนพันธุ์ RPF4 สามารถดูดซับสารแคดเมียมของรวมทั้งต้นได้มากที่สุดเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเราตรวจไม่พบสารปรอทในส่วนต่างๆของกัญชง ซึ่งอาจจะหมายความว่าไม่มีเลยหรือมีสารปรอทอยู่ที่ 0-2.00 mg./kg. เนื่องจากปริมาณที่ตรวจสอบได้น้อยที่สุดอยู่ที่ 2.10 mg./kg.

*แหล่งที่มาของเนื้อหา (ถ้ามี) :

Linger P., Mussig J., Fischer H. and Kobert J. 2002. Industrial hemp (Cannabis sativa L.) growing on heavy metal contaminated soil: fibre quality and phytoremediation potential. Industrial Crops and Products. 16: 33-42.

Flajsman M., Kosmelj K., Grcman H., Acko D. K. and Zupan M. Industrial hemp (Cannabis sativa L.)—a valuable alternative crop for growing in agricultural soils contaminated with heavy metals. Environmental Science and Pollution Research (2023) 30:115414–115429 


เขียน/ เรียบเรียงเรื่องโดย : ดร.รัตญา ยานะพันธุ์ และ น.ส.ฐานิกา สุขผสม

ออกแบบและเผยแพร่สื่อออนไลน์โดย เนตรชนก สายคง สำนักยุทธศาสตร์และแผน