บีท
ชื่อวิทยาศาสตร์ Beta vulgaris var. alba
ชื่อสามัญ Beet
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : [1]
ลักษณะทั่วไป บีทจัดเป็นพืชในตระกูล Chennopdiaceae มีถิ่นกำเนิดในแถบยุโรป สามารถปลูกและให้ผลผลิตได้ดีในช่วงฤดูหนาว มีทั้งเนื้อด้านในสีแดงและสีเหลือง สามารถปลูกโดยใช้เมล็ด
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร บีทเป็นพืชที่รับประทานส่วนรากอุดมไปด้วยโฟเลต ซึ่งเป็นส่วนผสมของสารประกอบที่ได้จากกรดโฟลิก ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่ทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 นอกจากนี้ยังไม่ประกอบด้วยโปแตสเซี่ยม วิตามินซี และส่วนยอดที่เป็นใบสีเขียวเข้มมีสารเบต้า-แคโรทีน แคลเซี่ยมและเหล็กสูง บำรุงสายตา ฟันและกระดูก มีรสชาติคล้ายปวยเหล็ง ในสลัด หรือนำมาปั่นผสมกับน้ำผลไม้
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม : [1]
สามารถปลูกได้ตลอดปีในพื้นที่สูงกว่า 1,000 เมตร ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกควรเป็นดินร่วนปนทราย มีความเป็นกรด – ด่างประมาณ 5.5 – 7.0 การระบายน้ำและอากาศดี การปลูกในสภาพดินเหนียวจะทำให้หัวไม่โต ระหว่างการปลูกต้องหมั่นกลบบริเวณโคนให้มิดชิด มิเช่นนั้นจะทำให้หัวมีผิวกร้านและคุณภาพต่ำ ในสภาพดินที่ขาดขาดธาตุโบรอน จะทำให้หัวไม่เจริญเติบโต และเกิดรอยตกกระบริเวณผิว
สำหรับอุณหภูมิดินที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ด คือ 20 องศาเซลเซียส ซึ่งเมล็ดจะงอกภายในระยะเวลา 6 วัน อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญอยู่ระหว่าง 15 – 22 องศาเซลเซียส หากปลูกในสภาพอากาศเย็นจัดจะทำให้การเจริญเติบโตช้า บีทสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแสงปานกลาง แต่ควรได้รับตลอดทั้งวัน
การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : [1]
การเตรียมกล้า ควรเพาะกล้าแบบประณีตในถาดหลุม เมล็ดงอกเมื่ออายุได้ 6 วัน
การเตรียมดิน ให้ขุดพลิกดินตากแดดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อฆ่าเชื้อในดิน กำจัดวัชพืช หากสภาพดินเป็นกรด ควรใส่ปูนขาวอัตรา 100 – 200 กก./ไร่ ก่อนปลูกอย่างน้อย 10 วัน ก่อนปลูกใส่ปุ๋ยคอก 1 กก./ตร.ม. ปุ๋ยเคมี 15 – 15 – 15 อัตรา 25 – 30 กรัม/ตร.ม. คลุกกับดินบนแปลงให้เข้ากัน
การปลูก ระยะปลูก (ต้น x แถว) ฤดูร้อน – หนาว 20 x 20 ซม. (25 ต้น/ตร.ม.) ฤดูฝน 25 x 20 ซม. (20 ต้น/ตร.ม.)
การให้น้ำ ให้น้ำโดยการใช้มินิสปริงเกอร์
การให้ปุ๋ย ระยะแรกใช้ปุ๋ยสูตร 46 – 0 – 0 และ 15 – 15 – 15 หลังปลูก 7 –14 วัน อัตรา 30 – 50 กรัม/ตร.ม. หลังจากการให่ปุ๋ยระยะแรก 20 วัน ใช้ปุ๋ยสุตร 13 – 13 – 21 อัตรา 30 – 50 กรัม/ตร.ม ควรพ่นปุ๋ยทางใบ 7 – 10 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]
ช่วงเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 80 – 90 วัน
การเก็บเกี่ยว
1. เก็บเกี่ยวเมื่อมีขนาดตามตลาดต้องการ โดยถอนขึ้นจากดิน
2. ตัดใบออกเหลือก้านใบยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ล้างให้สะอาดด้วยน้ำ ผึ่งให้แห้ง
3. จัดชั้นคุณภาพ และบรรจุลงในตะกร้าพลาสติก โดยกรุด้วยกระดาษ
4. ขนส่งโดยรถธรรมดาหรือรถห้องเย็น
ข้อกำหนดเรื่องคุณภาพ คุณภาพขั้นต่ำ มีรูปร่างลักษณะและสีตรงตามพันธุ์ หัวกลม ปลายด้านล่างแหลม ภายในมีสีแดงเข้มสม่ำเสมอทั้งหัว ผิวเรียบ ไม่ตกสะเก็ด ไม่มีตำหนิใดๆ สด สะอาด และปลอดภัยจากสารเคมี
การจัดชั้นคุณภาพ
ชั้นหนึ่ง 1. หัวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 – 9 เซนติเมตร
2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้นสอง 1. หัวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 – 8 เซนติเมตร
2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้น U 1. หัวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 – 6 เซนติเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่า 9 เซนติเมตร
2. มีตำหนิต่างๆ ปะปนมาได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
ข้อกำหนดในการจัดเรียง บีทที่อยู่ในภาชนะบรรจุเดียวกันต้องเป็นพันธุ์เดียวกัน เป็นชั้นคุณภาพเดียวกัน มีความแก่ใกล้เคียงกัน และมีคุณภาพสม่ำเสมอกัน
การเตรียมสู่ตลาด
1. ตัดแต่งก้านใบและปลายราก
2. บรรจุถุงพลาสติกเจาะรู
การเก็บรักษา อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 95 – 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถเก็บรักษาได้นาน 3 – 5เดือน (ตัดใบออกหมด)
เอกสารอ้างอิง :
[1] หนังสือเรื่องการปลูกผักบนพื้นที่สูง
[2] ตุลาคม 2545.คู่มือการจัดชั้นคุณภาพผัก.กองพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์