สถานการณ์ขยะอาหารเหลือทิ้งของครัวเรือนบนพื้นที่สูงในประเทศไทย
การสูญเสียอาหาร (Food Losses) หมายถึง การลดลงในเชิงปริมาณของอาหารที่มีอยู่เพื่อการบริโภคของมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต ตั้งแต่ในพื้นที่ผลิต ระหว่างการขนส่งและเก็บรักษาผลผลิต และในกระบวนการแปรรูป ขณะที่ขยะอาหารเหลือทิ้ง (Food waste) หมายถึง การสูญเสียอาหารที่เกิดจากการตัดสินใจที่จะทิ้งขว้างอาหารในขณะที่อาหารนั้นยังบริโภคได้อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในขั้นปลายของโซ่อุปทาน คือ ในภาคธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจการให้บริการด้านอาหาร และในระดับผู้บริโภค
ขณะที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) เป้าหมายที่ 12 Responsible consumption and production หมายถึง การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นสร้างรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในหัวข้อย่อย 12.3 ว่าด้วยการลดขยะเศษอาหาร (Food Waste) ของโลกลงครึ่งหนึ่งในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค และลดการสูญเสียอาหาร (Food Loss) จากกระบวนการผลิตและโซ่อุปทานรวมถึงกระบวนการจัดการหลักการเก็บเกี่ยว ภายในปี พ.ศ. 2573 นั้นเป็นความท้าทายที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
จากข้อมูลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าอาหารซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์มีปริมาณการสูญเสียและทิ้งขว้างกลายเป็นขยะอาหารถึง 1.3 พันล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของอาหารสำหรับมนุษย์ที่ผลิตขึ้นทั่วโลก (FAO; 2011) ซึ่งหมายถึงเศษอาหารที่ไม่สามารถนำมารับประทานได้ ทั้งที่อาหารเหล่านั้นอาจจะเป็นอาหารส่วนเกินที่สามารถนำไปรับประทานต่อได้ก็ตาม ซึ่งพบว่า
· ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือแอฟริกา มีปริมาณการสูญเสียขยะจากอาหาร 26-36% โดยพบว่า 70% ของอาหารที่สูญเสียเกิดจากกระบวนการเก็บเกี่ยวและกระบวนการผลิต เนื่องจากปัญหาด้านการจัดการ และขีดจำกัดด้านเทคนิคต่างๆ การเก็บเกี่ยว การจัดเก็บที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ จนถึงระบบการตลาด
· ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป และอเมริกาเหนือ มีปริมาณการสูญเสียขยะจากอาหาร
34-35% โดยพบว่า 60% ของอาหารที่สูญเสียเกิดในระดับร้านค้าปลีกและระดับผู้บริโภคครัวเรือน เนื่องจากร้านค้าปลีกปฏิเสธผลิตผลทางการเกษตรที่ไม่ได้ขนาดหรือรูปร่างตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ผู้บริโภคซื้ออาหารมากเกินจำนวนความต้องการ รวมทั้งมีแนวคิดว่าสามารถรับภาระในการจ่ายค่าสินค้าอาหารราคาสูงซึ่งบริโภคไม่หมดและทิ้งขว้างได้ (Toine Timmermans, 2019)
สำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารเหลือทิ้งที่ชัดเจน มีเพียงสถิติปริมาณขยะมูลฝอยจากชุมชมของกรมควบคุมมลพิษ ในปี 2565 ดังนั้น สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) โดย เพชรดา และคณะ ได้สำรวจข้อมูลการสูญเสียอาหารและขยะอาหารเหลือทิ้งในชุมชนบนพื้นที่สูงในประเทศไทย ในปี 2565 ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การสูญเสีย “ข้าว” หลังจากเก็บเกี่ยวจนถึงการบริโภค และการสูญเสียของ “กับข้าว” ที่บริโภคในครัวเรือน พบข้อมูลที่น่าสนใจ คือ
1. การสูญเสียหลังจากเก็บเกี่ยวผลิตผล (Food Loss) ข้าวของเกษตรกรบนพื้นที่สูง มีสาเหตุจากการร่วงหล่นของเมล็ดโดยธรรมชาติ การเก็บเกี่ยว ตากแห้ง ขนย้าย กองรวม และการนวดข้าว รวม 18.33 กก./ไร่ คิดเป็น 3.59% โดยได้ผลิตผลข้าวเปลือกสำหรับเก็บไว้บริโภค 491.77 กก./ไร่ คิดเป็น 96.41% ของผลิตผลข้าวเปลือกทั้งหมด และมีสัดส่วนผลิตผลเมล็ดข้าวเปลือกเต็มเมล็ดและเมล็ดข้าวเปลือกลีบปริมาณ 462.45 และ 29.32 กก./ไร่ คิดเป็น 94.04% และ 5.96% ตามลำดับ
ทั้งนี้พบว่าการเก็บเกี่ยวมือโดยใช้เคียวเกี่ยวข้าว มีการสูญเสียน้อยกว่าการใช้เครื่องตัดหญ้าดัดแปลง แต่ใช้ระยะเวลาและแรงงานคนในการจัดการมากกว่า ในส่วนของการนวดข้าว การคัดแยกและทำความสะอาดข้าวเปลือก พบว่า การใช้เครื่องนวดข้าวขนาดเล็กมีการสูญเสียมากที่สุด 29.02% เกิดจากข้าวเปลือกเต็มเมล็ดถูกเป่ารวมออกไปพร้อมกับเมล็ดข้าวเปลือกลีบ และเมื่อนำข้าวเปลือกมาสีด้วยเครื่องสีข้าวขนาดเล็กสำหรับใช้ในครัวเรือนได้ปริมาณข้าวสารเต็มเมล็ดน้อยกว่าโรงสีข้าว โดยเกษตรกรจะมีการสีข้าวทั้งสองวิธีขึ้นอยู่กับความสะดวกของครัวเรือนซึ่งมีปริมาณเฉลี่ยข้าวสารเต็มเมล็ด ปลายข้าว แกลบ และรำข้าว เท่ากับ 274.63, 2.72 และ 214.41 กก./ไร่ คิดเป็น 55.85%, 0.55% และ 43.60% ตามลำดับ ซึ่งเกษตรกรนำส่วนของเมล็ดข้าวสารเต็มไปบริโภค ปลายข้าว แกลบ และรำข้าว เป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยง (ไก่และหมู) ทั้งนี้ เกษตรกรยังคงมีการจัดการหลังเก็บเกี่ยวโดยใช้เครื่องมือและวิธีการตามภูมิปัญญาดั้งเดิม