นวัตกรรมการปลูกองุ่นบนพื้นที่สูงสำหรับเกษตรกรผู้สูงอายุ
องุ่นเป็นไม้ผลทางเลือกที่สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงปลูกเป็นอาชีพ เพราะเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง สามารถทดแทนพืชที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ข้าวโพด เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นไม้ผลที่มีศักยภาพทางการตลาดเนื่องจากราคาและความต้องการของตลาดมีสูง และสามารถใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การปลูกองุ่นในระบบเดิมจำเป็นต้องใช้แรงงานมากและไม่เหมาะสมกับเกษตรกรซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากทรงต้น รูปแบบค้าง และวิธีการตัดแต่งยังยุ่งยาก ไม่สะดวกต่อการปฏิบัติดูแลรักษาต้นองุ่น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องวิจัยและพัฒนารูปแบบการปลูกองุ่นใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับเกษตรกรผู้สูงอายุ ภายใต้การผลิตองุ่นแบบประณีต ได้คุณภาพสูง ปลอดภัย และมีต้นทุนการผลิตต่ำ
ระบบการจัดทรงต้นแบบเดิมที่ใช้อยู่ในประเทศไทย
การปลูกองุ่นในประเทศไทยส่วนใหญ่มีการจัดทรงต้นและสร้างกิ่งไม่เป็นระบบที่ชัดเจน ดูแลรักษายาก ระยะปลูกค่อนข้างถี่ (2x4 เมตร) และทรงต้นแน่นทึบ ทำให้ต้นองุ่นมีจำนวนกิ่งที่จะให้ผลผลิตน้อย มีกิ่งที่ไม่สมบูรณ์จำนวนมาก มีการสร้างตาดอกน้อย และให้ผลผลิตเพียง 5-10 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี นอกจากนี้ ส่งผลให้ต้นโทรม อายุการให้ผลผลิตสั้น และยังพบการระบาดของโรคและแมลงรุนแรงอีกด้วย (ภาพที่ 1)
การตัดแต่งกิ่งองุ่นระบบเดิมเป็นการตัดแต่งกิ่งแก่ต่อเนื่อง ทำให้กิ่งอ่อนแอลงและยืดยาวออกไปทุกปี จึงเป็นเหตุผลทำให้ต้นองุ่นให้ผลผลิตต่ำมาก อายุการให้ผลผลิตสั้น และไม่สม่ำเสมอกัน นอกจากนี้ เกษตรกรหรือผู้ตัดแต่งกิ่งองุ่นจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการตัดแต่งมาก (ภาพที่ 2)
ระบบการปลูกองุ่นแบบโครงการหลวง
ระบบการปลูกองุ่นแบบโครงการหลวงได้พัฒนาขึ้นใหม่จากผลการวิจัยเรื่อง “การศึกษาและพัฒนาระบบการจัดทรงต้นและตัดแต่งกิ่งองุ่น” โดยศึกษาปัญหาที่เกิดจากการปลูกองุ่นในระบบเดิม โดยวิธีการสำคัญที่พัฒนาขึ้นใหม่ ได้แก่ วิธีการผลิตต้นกล้า ระยะปลูก รูปแบบการจัดทรงต้น วิธีการสร้างกิ่ง ระบบการตัดแต่งกิ่ง วิธีการส่งเสริมการสร้างตาดอก และการปฏิบัติดูแลรักษาที่เหมาะสมกับนิสัยการเจริญเติบโตขององุ่นและสภาพแวดล้อม เป็นระบบที่มีการจัดวางกิ่งอย่างเป็นระบบระเบียบ
เพื่อสร้างกิ่งที่จะให้ผลผลิตที่มีจำนวน ความสมบูรณ์ และตำแหน่งของกิ่งได้ตามที่ต้องการ ทำให้ต้นองุ่นให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพ สม่ำเสมอและยาวนาน นอกจากนี้ ยังง่ายต่อการจัดการโรคและแมลง โดยมีรูปแบบการจัดทรงต้น และระยะปลูก 3 แบบ คือ ทรงต้นแบบตัว T ระยะปลูก 6x3 เมตร แบบตัว H ระยะปลูก 6x3 เมตร และแบบตัว T ระยะปลูก 6x1.5 เมตร ซึ่งสามารถให้ผลผลิต 70-100 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี (ภาพที่ 3)
นอกจากนี้ มีการวิจัยและพัฒนาต่อยอดรูปแบบค้างองุ่นแบบใหม่ เพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณผลผลิตต่อพื้นที่ และสะดวกต่อการปฏิบัติดูแลรักษายิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อให้รูปแบบค้างมีความหลากหลาย สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมสภาพพื้นที่และวัตถุประสงค์ของการใช้งานที่แตกต่างกันได้ โดยมีทรงต้นรูปแบบใหม่ 6 แบบ คือ ทรงต้นสูงแบบตัว T ระยะปลูก 1.2 x 8 เมตร ที่สามารถเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่โรงเรือน ทรงต้นแนวตั้งที่สามารถเพิ่มความสะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ซึ่งมี 5 แบบ คือ ทรงต้นเตี้ยแบบแนวรั้ว แบบตัว Y สูง แบบตัว Y ต่ำ แบบตัว Y ดัดแปลงสูง และแบบตัว Y ดัดแปลงต่ำ โดยทั้งหมดใช้ระยะปลูก 1.5 x 8 เมตร และได้มีการพัฒนารูปแบบโรงเรือนให้เหมาะสมกับทรงต้นและค้างรูปแบบใหม่ๆ
ทั้งนี้ทรงต้นที่เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ในปัจจุบัน คือ ทรงต้นแบบตัว T ระยะปลูก 6x3 เมตร แบบตัว H ระยะปลูก 6x3 เมตร และแบบตัว T ระยะปลูก 1.2 x 8 เมตร สำหรับทรงต้นแนวตั้งแบบตัว Y เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่เหมาะกับเกษตรกรซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีทรงต้นที่สะดวกต่อการปฏิบัติดูแลรักษาในการผลิตองุ่นแบบประณีต ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง ภายใต้ระบบการปลูกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ต้นทุนการผลิตในการทำโรงเรือนและค้างต่ำกว่าโรงเรือนขนาดมาตรฐานทั่วไป อีกทั้งยังสามารถลดผลกระทบที่มีต่อผลผลิตองุ่นจากความแปรปรวนของสภาพอากาศได้อีกด้วย (ภาพที่ 4)
สำหรับการตัดแต่งกิ่งองุ่นแบบโครงการหลวงคือ การตัดแต่งกิ่งแบบ 1 กิ่ง ตัดแต่ง 2 ครั้งต่อปี (ภาพที่ 5) โดยตัดแต่งครั้งที่ 1 แบบยาว (Cane pruning) ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงเก็บเกี่ยวในฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง และตัดแต่งกิ่งเดิมเป็นครั้งที่ 2 โดยตัดแบบสั้น (Spur pruning) ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เพื่อสร้างกิ่งใหม่ที่สมบูรณ์และให้ผลผลิตนอกฤดู ระบบการตัดแต่งกิ่งแบบนี้ทำให้ต้นองุ่นให้ผลผลิตสูงมาก สม่ำเสมอ และยาวนาน เพราะมีระบบการสร้างกิ่งทดแทน ทำให้ต้นองุ่นมีความแข็งและสมบูรณ์อยู่เสมอ และสามารถควบคุมให้กิ่งอยู่บนพื้นที่ค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากองค์ความรู้นี้มีการพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสมสำหรับใช้ในต้นองุ่นทรงต้นเตี้ยแบบแนวรั้วและแบบตัว Y โดยในการตัดแต่งกิ่งครั้งที่ 1 แบบยาวมีการเพิ่มความยาวของการไว้กิ่ง และดัดโค้งกิ่งหลังตัดแต่ง (ภาพที่ 6) เพื่อเพิ่มปริมาณและความสม่ำเสมอของตาที่แตก ทำให้ผลผลิตต่อต้นเพิ่มมากขึ้นถึง 109 กิโลกรัม/ต้น/ครั้ง จากการตัดแต่งกิ่งแบบปกติที่ให้ผลผลิต 50 กิโลกรัม/ต้น/ครั้ง
ตาราง สรุปเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างระบบการปลูกองุ่นแบบเดิม ระบบการปลูกองุ่นแบบโครงการหลวง และระบบการปลูกองุ่นแบบใหม่สำหรับเกษตรกรผู้สูงอายุ
เขียน / เรียบเรียงเรื่องโดย: นางสาวจิระนิล แจ่มเกิด