ไผ่ฟิลิปปินส์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracaena godseffiana
ไผ่ฟิลิปปินส์เป็นไม้สกุลเดียวกับวาสนา Agavaceae เป็นไม้ที่มีใบสวยงาม แต่เดิมใช้ปลูกเป็นไม้กระถางประดับหรือปลูกจัดสวนที่อยู่ในร่ม ปัจจุบันได้รับความนิยมมากจากร้านรับจัดดอกไม้ โดยนำมาจัดแจกันเพื่อสร้างสีสันและลวดลายของใบ สร้างความหลากหลาย ความแปลกใหม่ให้กับแจกันดอกไม้มากขึ้น พันธุ์ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ ฟลอริด้าบิวตี้ (Florida Beauty) ไผ่ฟิลลิปปินส์เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นเล็ก แตกเป็นกอ มีความสูงประมาณ 2.5-3 ฟุต เป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนชื้น อากาศถ่ายเทได้สะดวก ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดรำไร ความชื้นสูง ไม่ชอบแฉะ ทนต่อโรคและแมลง ปัจจุบันเป็นที่นิยมของตลาดและร้านจัดดอกไม้ด้วย นิยมเอาก้านและใบไปตกแต่งช่อดอกไม้ให้มีความสวยงามและอยู่ในแจกันได้นานเป็นสัปดาห์ ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ต้องการใช้ประโยชน์อีกมากแต่ยังมีการปลูกเพื่อจำหน่ายอยู่น้อย เนื่องจากไผ่ฟิลลิปปินส์จะใช้เวลาปลูกค่อนข้างนานจึงจะเริ่มตัดใบใช้ประโยชน์ได้ใช้เวลาเกือบ 2 ปี
การขยายพันธุ์
ไผ่ฟิลิปปินส์ขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยวิธีการปักชำ (Stem Cutting) สามารถนำไปปักชำได้ทั้งกิ่งแก่และกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน
การปักชำกึ่งอ่อนกึ่งแก่หรือกิ่งอ่อนส่วนมากจะมีใบ 3 ใบ เมื่อเจริญออกมาจะมีสีเขียวอมเหลืองเป็นมันและอ่อนนิ่มไม่สามารถตัดไปปักชำได้ ต้องทิ้งไว้ให้ใบแข็งพอสมควร การตัดกิ่งควรจะตัดบนข้อถัดไป วัสดุชำมีส่วนผสมของทรายและขี้เถ้าแกลบ ในอัตรา 1:2 หรือปักชำในขุยมะพร้าวที่แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จะใช้ฮอร์โมนเร่งรากหรือไม่ใช้ก็ได้ เนื่องจากไผ่ฟิลิปปินส์ออกรากง่ายแต่ถ้าใช้จะทำให้การออกรากเร็วและสม่ำเสมอ ประมาณ 15-20 วัน สามารถย้ายลงถุง ขนาด 3x5 นิ้วได้ โดยใช้ดินผสมได้แก่ ปุ๋ยคอกเก่าหรือปุ๋ยหมัก ขี้เถ้าแกลบ ดิน และแกลบดิน อัตราส่วน 1:2:1:2 วัสดุปลูกไม่ควรแน่นมากนักเพราะระบบรากของไผ่ฟิลลิปปินส์เป็นระบบรากฝอย ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ทุก 15-20 วัน เพื่อเร่งการเจริญเติบโตดี โดยสังเกตจากการแตกกิ่งใหม่ หรือใบใหม่ขึ้นมาระยะเตรียมต้นพันธุ์ประมาณ 2 เดือน
การเตรียมแปลงปลูกและวิธีการปลูก
ไผ่ฟิลิปปินส์เป็นพืชที่ต้องการแสงรำไร จะต้องปลูกภายใต้ซาแลนพลางแสง ขนาด 70 เปอร์เซ็นต์ หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ โรงเรือนจำเป็นมากสำหรับการปลูก ขนาดของโรงเรือนแล้วแต่พื้นที่โดยปกติจะมีขนาด 40x40 เมตร หรือประมาณ 1 ไร่ ระยะของเสาโรงเรือนอาจใช้ระยะ 4x4 เมตร หรือ 5x8 เมตร ก็ได้ความสูงของระดับแปลงปลูกสูง 2.5 เมตร ด้านบนจะใช้ลวดสลิงเพื่อความต้องตึงของซาแลนพรางแสง แปลงปลูกควรทำการไถพรวนให้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 7 วันปรับสภาพดินโดยใช้ปูนขาวหรือปูนไดโลไมท์ ใส่ปุ๋ยคอกเก่า แกลบดินหรือเปลือกถั่วลิสงหรือวัสดุที่หาได้ในพื้นที่ ไถพรวนลงในแปลงปลูกขนาดแปลงปลูกกว้างประมาณ 1 เมตร ขนาดแปลงสูง 20 เซนติเมตร ร่องแปลงกว้าง 30 เซนติเมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะใช้ต้นกล้าประมาณ 2,000 ต้น โดยใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหว่างแถว 50 เซนติเมตร
การดูแลรักษา
ไผ่ฟิลลิปปินส์จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะอากาศร้อนชื้น จะชะงักการเจริญเติบโตในช่วงอุณหภูมิต่ำ หรือพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเกิน 600 เมตรขึ้นไป
การให้ปุ๋ย
ปุ๋ยทางดินจะใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเติมให้กับต้นไผ่ฟิลิปปินส์ทุกๆ 3 เดือน ส่วนปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโตจะใช้ปุ๋ยน้ำฉีดพ่นหรือรดโคนต้นประมาณ 3 วันครั้ง
การให้น้ำ
ควรรดน้ำตอนเช้าวันละ 1 ครั้ง และไม่ควรให้น้ำจนชื้นแฉะเกินไป ส่วนฤดูฝนควรจะระบายน้ำออกให้ดี ถ้าไผ่ฟิลิปปินส์ได้รับน้ำมากเกินไปต้นจะเหลืองและตายได้
การเก็บเกี่ยว
เมื่อปลูกไผ่ฟิลิปปินส์ได้ประมาณ 8-12 เดือน ทรงพุ่มประมาณ 30-35 เซนติเมตร จะแตกกอใหม่ขึ้นมา มีความยาว 30-50 เซนติเมตร มีใบ 3-5 คู่นับจากใบยอดซึ่งเรียกว่ากิ่งหน่อ ส่วนกิ่งข้างจะมีชุดใบ 3-5 คู่ เหมือนกับกิ่งหน่อ แต่จะมีความยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร การเก็บเกี่ยวจะต้องสังเกตกิ่งที่เหมาะสมจะตัดได้ใบยอดและชุดใบ จะต้องคลี่หรือบานจนหมดทุกใบ ถ้ายอดใบยังม้วนตัวอยู่แสดงว่าใบอ่อนเกินไป ถ้าตัดนำไปใช้ประโยชน์อายุการปักแจกันจะสั้น
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดประมาณ 7.00-8.00 น. จะต้องแช่น้ำสะอาดทันที การเข้ากำๆละ 10 ก้าน หุ้มด้วยสำลีชุบน้ำสะอาดและบรรจุลงกล่องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ปกติไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส หรือแช่ในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 7 องศาเซลเซียส สามารถเก็บไว้ได้หลายวัน
โรคและศัตรูพืช
โรคปลายใบแห้ง
สาเหตุเกิดจากเชื้อราในดิน ทำให้ปลายใบแห้งไม่สามารถตัดจำหน่ายได้ แก้ไขโดยการขุดต้นตายทิ้งแล้วโรยปูนขาวและตากดินทิ้งไว้ อีกสาเหตุเกิดจากการรดน้ำมากเกินไป หรือวัสดุปลูกแน่น ควรงดการรดน้ำหรือเปลี่ยนวัสดุปลูกให้โปร่งขึ้น
โรคใบจุด
สาเหตุเกิดจากเชื้อราในอากาศ แก้ไขได้โดยการพ่นสารเคมีป้องกันเชื้อรา จำพวกแมนโคเซป คาร์เบนดาซิม
โรครากและต้นเน่า
สาเหตุเกิดจากเชื้อรา จะพบอาการลำต้นที่อยู่ใกล้ดิน มีอาการต้นเน่าใบเฉา เมื่อขุดดูจะพบว่ารากเน่า แก้ไขได้โดยการใช้สารเคมีจำพวกเทอร์ราคอซุปเปอร์เอ็กซ์ งดน้ำหรือให้น้ำน้อย
เพลี้ยไฟ
จะทำลายใบทำให้ใบมีสีเหลืองซีด โดยจะดูดน้ำเลี้ยง แก้ไขโดยวิธีพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง
เพลี้ยแป้ง
มีมดคันไฟเป็นพาหะโดยจะนำเพลี้ยแป้งมาเลี้ยงไว้เพื่อจะกัดกินน้ำหวานหรือน้ำเหนียวๆจากเพลี้ยแป้ง แก้ไขโดยการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง