นายสุพจน์ หวุ่ยซือกู่
เกษตรกรผู้นำ: ด้านเศรษฐกิจ
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง: แม่สลอง
หมู่บ้าน: บ้านป่าคาสุขใจ
"นายสุพจน์ หวุ่ยซือกู่" ผู้นำเกษตรกรบ้านป่าคาสุขใจ โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง โดยพี่สุพจน์ เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนปลูกข้าวโพด ถั่วแดง กะหล่ำปลี มีการเผาทำไร่เลื่อนลอย แต่ปัจจจุบัน เปลี่ยนมาปลูกผักอินทรีย์ในโรงเรือน (เบบี้คอส คะน้าฮ่องกง ผักกาดเขียวปลี ผักชี) โดยขายส่งให้กับบริษัท และขายปลีกตลาดเช้าแม่สลอง ถนนคนเดินแม่จันซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้พี่สุพจน์เปลี่ยนจากการปลูกพืชแบบดังเดิม จากเจ้าหน้าที่ สวพส. โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง ชักชวนให้มาปลูกพืชผักในโรงเรือนที่ใช้พื้นที่น้อยแต่ได้ผลผลิตที่มาก โดยไปศึกษาดูงานที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ เรื่องการปลูกผักสลัดในโรงเรือน (ตอนนั้นยังไม่รู้จักผักสลัดเลยว่ามีอะไรบ้าง เจ้าหน้าที่บอกว่าผักเบเบี้ฮ่องเต้ ใช้เวลาปลูกแค่ 25 วัน ก็ปลูกได้แล้ว) กลับมาก็ได้สร้างโรงเรือนแบบไม้ไผ่ และทดลองปลูกผักเบบี้ฮ่องเต้ เป็นพืชชนิดแรก ใช้เวลาปลูก 25 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้จริง ต่อมาก็เริ่มปลูกผักเบบี้คอส เบบี้ฮ่องเต้ สลับกันไป ต่อจากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นโรงเรือนแบบเหล็ก เพื่อความคงทนต่อการใช้งานโดยช่วงแรกปลูกผักในโรงเรือนในระบบมาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP ปัจจุบันได้หันมาปลูกผักในระบบมาตรฐานอินทรีย์ ซึ่งทำให้ลดต้นทุนจากการใช้สารเคมี และขายได้ราคาที่ดีกว่า เปรียบเทียบสมัยก่อน 1 โรงเรือน ได้เงิน 5,000-7,000 บาท พอเปลี่ยนมาเป็นปลูกผักในระบบมาตรฐานอินทรีย์ ได้โรงเรือนละ 10,000-13,000 บาท นอกจากนี้ยังทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง เพื่อลดต้นทุน (มีเปลือกกาแฟ เปลือกข้าวโพด ขี้หมู และขี้วัว) และยังปลูกไม้ผล เช่น อะโวคาโด ลิ้นจี่ เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง และยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปัจจุบันพี่สุพจน์ มีรายได้กว่า 500,000 บาทต่อปี