องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

เคพกูสเบอรี่

เคพกูสเบอรี่ Cape Gooseberry

ชื่อวิทยาศาสตร์ Physalis peruviana Linn.

เคฟกูสเบอรี่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศบราซิล เป็นพืชอยู่ใน Genus Physalis และ Family Solanaceae พวกตระกูลเดียวกับพริก มะเขือ และมะเขือเทศ โดยพบมากกว่า 70 ชนิด (species) มีทั้งอายุปีเดียวและหลายปี แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่มีคุณค่าทางด้านเศรษฐกิจ แต่มีชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตที่มีรสชาติที่วิเศษ และได้กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกคือ เคฟกูสเบอรี่ สำหรับในประเทศไทยนั้นเคยมีการเรียก เคฟกูสเบอรี่ ว่า “โทงเทงฝรั่ง” ช่วงระยะแรกที่นำเข้ามาทดลองปลูกเป็นพืชทดแทนฝิ่นทางภาคเหนือของมูลนิธิโครงการหลวง เพราะมีลักษณะนิสัยเหมือนกับต้นโทงเทง (P. minima L. และ P. angulata L.) ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในบ้านเรา และจัดเป็นวัชพืชชนิดหนึ่ง แต่ต่อมาได้มีการเรียกชื่อใหม่เพื่อผลลัพธ์ทางด้านการตลาดคือ “ระฆังทอง : Golden Bell” และได้กลายเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคอยู่ในขณะนี้ มูลนิธิโครงการหลวงได้นำมาทดลองปลูกเคพกูสเบอรี่ในโครงการ Small fruit ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยการสนับสนุนจาก ARS, USDA เป็นไม้ผลที่อยู่ในระหว่างการวิจัยและเริ่มส่งเสริมให้เกษตรกรบางรายปลูก

ลักษณะโดยทั่วไป

เคพกูสเบอรี่ เป็นไม้ผลเขตหนาวฤดูเดียว ลำต้นค่อนข้างอวบน้ำ ใบในระยะต้นกล้านั้นคล้ายใบมะเขือเทศ เมื่อโตเต็มที่ใบคล้ายใบพลู มีขนอ่อนและนิ่ม ดอกเป็นดอกเดี่ยว เกิดตรงซอกใบที่เป็นข้อ เมื่อดอกเริ่มตูม ข้อจะพัฒนาเป็นยอดใหม่ และเกิดตาดอกใหม่ได้อีก ดอกมีลักษณะคว่ำลง เมื่อดอกบานโคนกลีบดอกเป็นพื้นสีม่วง ปลายกลีบเป็นสีเหลือง ผลถูกห่อหุ้มด้วยกลีบเลี้ยง เมื่อแก่เต็มที่ผลมีสีเหลือง ทรงผลกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.0-1.5 เซนติเมตร ระยะเวลาตั้งแต่ติดผลจนผลสุกเป็นเวลา 3 เดือนและเก็บผลผลิตต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 เดือน

เคพกูสเบอรี่ที่ใช้รับประทานผลสด สามารถปลูกเป็นพืชเสริมทำรายได้ในระยะสั้น เนื่องจากเป็นพืชฤดูเดียว ปลูกง่าย ไม่ต้องการดูแลรักษามากนักเคพกูสเบอรี่อุดมด้วยวิตามินซี ช่วยป้องกันไข้หวัด, วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา เหมาะสำหรับการรับประทานผลสด ชุบช็อคโกแลต จุ่มน้ำผึ้ง ใส่ในสลัด ทำน้ำผลไม้ หรือนำไปทำเป็นแยมก็ได้

การดำเนินการในปัจจุบัน

เคพกูสเบอรี่ที่ปลูกในมูลนิธิโครงการหลวงได้จากการนำเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาปลูกทดสอบ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด พบว่า มีแนวโน้มที่จะเป็นพืชเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดี จึงขยายให้เกษตรบางรายปลูกเป็นการค้า แต่อย่างไรก็ตามต้องดำเนินการวิจัยหาพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพดีมาทดแทนพันธุ์เดิมต่อไป

พันธุ์ Giallo Grosso

มีผลขนาดใหญ่สีทองใช้รับประทานสดหรือการแปรรูปหลังจากสุกแล้ว ปลูกในพื้นที่สภาพอากาศหนาวเย็นปานกลาง และเป็นพืชอายุหลายปี

พันธุ์ Giant

ผลขนาดใหญ่ สีส้มทอง ผลมีขนาดเฉลี่ยเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว รสชาติดี ต้นแผ่กว้างและสูง 3-5 ฟุต ต้องการช่วงการเจริญเติบโตที่ยาวนาน

พันธุ์ Giant Poha Berry

ผลมีขนาดเฉลี่ยเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว รสชาติหวานและหอม รสชาติและสีของน้ำผลไม้เหมือนน้ำส้ม ผลที่แห้งวางบนฟรุตเค้กเหมือนลูกเกด เรียกได้ว่าทนน้ำค้างแข็งได้เล็กน้อยเหมือนมะเขือเทศ ขณะที่ชนิดหรือพันธุ์อื่นจะตาย ในสภาพพื้นที่ที่หนาวกว่าจะใช้เวลาครึ่งถึงหนึ่งปีจากการปลูกด้วยเมล็ดจนกระทั่งให้ผลผลิตที่ดี

พันธุ์ Golden Berry, Long Aston

ผลสีทองจัด และเรียกได้ว่าเด่นกว่าพันธุ์อื่น ๆ