องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

บลูเบอร์รี่ “ราชาแห่งเบอร์รี่”

บลูเบอร์รี่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า      สตรอเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีโพลีฟีนอลและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจำนวนมากที่ช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันโรคระบบประสาทเสื่อม หลอดเหลือดหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง จึงถูกยกให้เป็นราชาแห่งเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่ (Blueberry) อยู่ในวงค์ Ericaceae สกุล Vaccinium มีประมาณ 450 ชนิดทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ระบบรากลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ผลผลิตบลูเบอร์รี่ที่จำหน่ายในประเทศไทยล้วนนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ทำให้มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 600-1,300 บาท ด้วยข้อจำกัดในอดีตคือบลูเบอร์รี่ต้องการชั่วโมงความหนาวเย็นมาก อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการพัฒนาพันธุ์ที่ไม่ต้องการความหนาวเย็นมากคือ 0-250 ชั่วโมง ทนทานต่อความแห้งแล้ง ปรับตัวให้เข้ากับสภาวะอุณหภูมิและความชื้นสูง และมีดอกสมบูรณ์เพศสามารถผสมตัวเองได้ ซึ่งเป็นบลูเบอร์รี่ชนิด Southern highbush ลูกผสมระหว่าง Vaccinium corymbosum x V. darrowii เช่น พันธุ์ Misty พันธุ์ Biloxi และพันธุ์ Sharp blue และมีการนำพันธุ์ดังกล่าวเข้ามาปลูกในประเทศไทย แต่การผลิตผลบลูเบอร์รี่สดในเชิงการค้ายังไม่แพร่หลายมากนัก บทความนี้จึงนำผลงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกบลูเบอร์รี่ในประเทศ ใช้วิธีการปลูกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประณีต ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง

การทดสอบปลูกบลูเบอร์รี่บนพื้นที่สูง โดยใช้ต้นกล้าจากกิ่งปักชำอายุ 5 เดือน จำนวน 3 พันธุ์คือ พันธุ์ Misty พันธุ์ Biloxi และพันธุ์ Sharp blue ปลูกในกระถางที่มีวัสดุปลูกดังนี้ พีทมอส/ดินสน แกลบดิบ หินภูเขาไฟ เพอร์ไลท์ ปุ๋ยอินทรีย์ อัตราส่วน 1 : 1 : 1 : ¼ : ½ และใช้กาบมะพร้าวสับรองก้นกระถาง ปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของวัสดุปลูกให้อยู่ระหว่าง 4.0–5.5 ทุกเดือนปลูกภายใต้โรงเรือนที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ อ.สะเมิง      จ.เชียงใหม่ หลังปลูก 1 ปี 4 เดือน (เดือนกุมภาพันธ์ 2565 - มิถุนายน 2566) พบว่าบลูเบอร์รี่ทั้ง 3 พันธุ์ ออกดอก 3 ช่วงเวลา คือเดือนมิถุนายน 2565 และพฤศจิกายน 2565 และกุมภาพันธ์ 2566 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2565 มีนาคม 2566 และมิถุนายน 2566

การเจริญเติบโตของต้น พบว่าความสูงและขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นไม่แตกต่างกันทางสถิติ (ภาพที่ 1 และ 2) แต่มีความกว้างทรงพุ่มแตกต่างกันทางสถิติ โดยบลูเบอร์รี่พันธุ์ Biloxi มีความสูงของต้นและความกว้างทรงพุ่มมากที่สุดคือ 137.22 เซนติเมตร (ภาพที่ 3 และภาพที่ 4)