โลกใบเดียวของฉันและเธอ
ลูกโซ่ความร้อนแรง
สิบกว่าปีมานี้ อุณหภูมิตลอดเดือนเมษายนของหลายจังหวัดสูงทะลุ 40 องศาเซลเซียส ตรงกับสำนวนไทยว่า ร้อนตับแตก !!! แท้จริงแล้วคำนี้ไม่ได้หมายถึง ตับที่เป็นอวัยวะ แต่พูดถึงใบต้นจากที่เย็บเรียงติดกันเป็นตับสำหรับใช้มุงหลังคาบ้านถูกแดดเผาจนแห้งและแตก ผู้เขียนเลยคิดต่อไปว่า “แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร” เพราะตอนนี้แสงอาทิตย์ทรงพลังขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะเวลา 11.00-15.00 น.
ผู้กระทำผิดยืนหนึ่ง
ทุกข้อมูลกล่าวตรงกันว่า “คนทำลายสมดุลก๊าซเรือนกระจกที่ห่อหุ้มบรรยากาศโลก” จนอุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้น เกิดสภาพอากาศแปรปรวน และผลเสียด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น
· ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากแหล่งรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ผลิตผลสินค้าเกษตรและประมงลดลง นักวิชาการเตือนภาคเกษตรอาจเสียหายมูลค่ากว่า 2.85 ล้านล้านบาท ในปี พ.ศ. 25881/
· เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ใช้แรงงาน เจ็บป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากคลื่นความร้อน คนจำนวนหลายล้านสูญเสียโอกาสการทำงาน ไม่มีเงินเลี้ยงครอบครัว คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐาน
· ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ได้แก่ ภัยแล้ง ไฟป่า พายุโซนร้อน น้ำท่วมใหญ่ และการพังทลายของชั้นดิน รวมถึงการระบาดของโรคติดต่อ และโลกสูญเสียความมั่นคงด้านอาหาร
ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
ก๊าซเรือนกระจกเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพ ผลสำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของคนทำให้รู้ว่า บริเวณเขตเมืองมักปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลของโรงงานอุตสาหกรรมและควันท่อไอเสียรถ ไม่แตกต่างกับการฝังกลบกองขยะมูลฝอยขนาดมหึมา ขณะที่การทำเกษตรผิดวิธีและการบุกรุกเผาป่าพบในเขตพื้นที่สูงซึ่งปัจจุบันกลายเป็นปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ทั้งนี้ก๊าซเรือนกระจกที่พบมากและทุกคนต้องช่วยกันควบคุมมีจำนวน 7 ชนิด2/ ได้แก่
· คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide): CO2
· มีเทน (Methane): CH4
· ไนตรัสออกไซด์ (Nitrous oxide): N2O
· กลุ่มก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs)
· กลุ่มก๊าซเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs)
· ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (Sulfur hexafluoride) : SF6
· ไนโตรเจน ไตรฟลูออไรด์ (Nitrogen trifluoride) :NF3
ชุมชนดอย…ลดคาร์บอน ลดโลกร้อน
พื้นที่สูงของไทยมีประมาณ 55 ล้านไร่ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์กว่า 1 ล้านคน มีสภาพยากจนและการคมนาคมยากลำบาก3/ วิธีการสื่อสารเรื่องราวนี้ให้กับคนบนดอยจึงสร้างความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากผลการสุ่มสำรวจชุมชน 4,205 กลุ่มบ้าน ช่วงปี พ.ศ. 2563-2564 พบการเผาพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตรกว่า 1,400 จุดความร้อน เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จำนวนมาก และ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน การขังน้ำในนาข้าว 91,000 ไร่ ตลอดฤดูการปลูกสร้างก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซต์ที่มีศักยภาพทำให้เกิดภาวะโลกร้อนสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ 28 และ 265 เท่า เช่นเดียวกับการกองสิ่งปฏิกูลสัตว์เกือบ 7,000 ตัว บริเวณฟาร์ม นอกจากนี้หลายชุมชนยังพบกองเปลือกกาแฟเชอรี่ เปลือกและซังข้าวโพดที่รอการเผาร้อยละ 18.6 คิดเป็นก๊าซเรือนกระจก 893,591 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า ซึ่ง 1 ตันมีขนาดเท่ากับบอลลูน 1 ลูก อย่างไรก็ตามปัจจัยความสำเร็จ คือ จิตสำนึก หากไม่เกิดปัญหาและไม่เดือดร้อน ชุมชนส่วนใหญ่จะละเลย ความจริงนี้นำไปสู่การสร้างแนวคิดใหม่ คือ “กระตุ้นการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานกับการสร้างภาพอนาคตลูกหลาน” และ “อาชีพจากการดูแลสิ่งแวดล้อม” ประกอบด้วย 5 ไอเดีย
1) ให้ข้อมูลและข่าวสารครัวเรือนโดยสร้างความเข้าใจด้วยกลยุทธ์เพิ่มช่องทางรับรู้เชิงประจักษ์
2) กระตุ้นแรงจูงใจด้วยกลยุทธ์สร้างชื่อและสร้างรายได้จาก “วิถีชีวิตคาร์บอนต่ำ”
3) ดำเนินกิจกรรมและปรับปรุงงานด้วยกลยุทธ์เรียนรู้จากการปฏิบัติและพัฒนาทักษะต่อเนื่อง
· การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
· การฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว
· การจัดการสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม
· การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการรองรับการเปลี่ยนแปลง
· การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดคุ้มค่า
4) ประเมินผลด้วยกลยุทธ์บรรลุระดับขั้นความสำเร็จ (ผลการดำเนินงานเทียบแผนปฏิบัติงาน)
5) ขยายผลกิจกรรม "ลดการปล่อย" และ "เพิ่มการดูดกลับ" ก๊าซเรือนกระจกด้วยกลยุทธ์สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานระดับภูมิภาค
29 รางวัลความสำเร็จ
ผลประเมินแสดงให้เห็นว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของชุมชนตัวอย่างลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และป่าต้นน้ำกักเก็บคาร์บอนมีค่าเฉลี่ย 10,933.83-27,774.38 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ต้นไม้ 1 ต้น สามารถผลิตก๊าซออกซิเจนได้เพียงพอสำหรับ 2 คนต่อปี ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 9-15 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า และลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูก 2-4 องศาเซลเซียส3/ กล่าวได้ว่าหากไม่ส่งเสริมกิจกรรมนี้จะมีก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศไม่น้อยกว่า 8,839.79 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่าต่อปี หรือ 1.39 ต่อปีต่อคน (ฐานข้อมูลปี พ.ศ. 2564) นอกจากนี้ยังเกิดผลประโยชน์ด้านอื่นด้วย
1) ระดับครอบครัวและชุมชน
· ช่วยรักษาคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ
· ลดโอกาสการสูญเสียทรัพย์สิน การเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้หลักของคนบนพื้นทีสูง
· มีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโดยจัดการเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ระดับหนึ่ง
· เสนอผลงานเพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนสำหรับการพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม
2) ระดับประเทศและโลก
· สร้างรายได้จากธุรกิจการท่องเที่ยวบนพื้นที่สูงภาคเหนือ
· ลดภาระงบประมาณภาครัฐในแก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่มีต้นทุนสูงปีละกว่า 400 ล้านบาท
· สร้างความสมดุลของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ
· ลดความรุนแรงของการเกิดมหันตภัยทางธรรมชาติและความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนได้
ดังนั้นการขยายผลงานนี้ไปยังชุมชนพื้นที่สูงอื่น จึงมีส่วนอย่างมากในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศที่เกิดผลลัพธ์ชัดเจน