องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

นวัตกรรมด้านสิทธิมนุษยชนที่เพิ่มโอกาสให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่สูง การขับเคลื่อนงานบนพื้นที่สูงด้วยองค์ความรู้จากงานวิจัย กรณีศึกษา “บ้านปางแดงใน"

นวัตกรรมด้านสิทธิมนุษยชนที่เพิ่มโอกาสให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่สูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีความยากจน ได้รับการพัฒนาจากภาครัฐอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม มีสิทธิเข้าถึงองค์ความรู้จากโครงการหลวง และองค์ความรู้นวัตกรรมจากงานวิจัย นำมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหา ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนได้อย่างเหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การเป็นชุมชนต้นแบบด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ด้วยองค์ความรู้เทคโนโลยีจากงานวิจัยบนพื้นที่สูง และขยายผล พัฒนาไปสู่การสร้างสิทธิของชุมชนบนพื้นที่สูงต่าง ๆ และการเรียนรู้ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ

“บ้านปางแดงใน”

ด้วยสภาพปัญหาจำเพาะของพื้นที่บ้านปางแดงในที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องความยากจน พื้นที่ทำเกษตรจำกัด ความสูง 500-1000 MSL สิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม การทำการเกษตรเชิงเดี่ยว (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวไร่) บุกรุกพื้นที่ป่า (โดยการปลูกข้าวโพด จำนวน 908 ไร่) เผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร มีการใช้สารเคมีสูง รวมถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูวัฒนธรรม วิถีชุมชน จึงนำไปสู่การใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีที่มีอยู่ และเพิ่มเติมองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยบนพื้นที่สูงเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาควบคู่ไปกับการพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และให้เกิดความยั่งยืน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน เช่น การปลูกข้าวโพดโดยไม่ไถพรวนร่วมกับการปลูกพืชตระกูลถั่วไปประยุกต์ใช้เพื่อลดการเผา การฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงข้าวโพดด้วยการปลูกเหลื่อมด้วยพืชตระกูลถั่ว การปรับระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การปลูกพืชไร่ร่วมกับไม้ผล (องุ่น เสาวรสหวาน อะโวคาโด มะม่วง) การปลูกผักในโรงเรือน การทำปศุสัตว์ (สุกรสายพันธุ์พื้นเมืองแท้และพื้นเมืองลูกผสมเหมยซาน ไก่พื้นเมือง) การปลูกพืชท้องถิ่นสร้างรายได้ อนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเป็นธนาคารอาหารของชุมชนและเป็นสีย้อมธรรมชาติจากพืชท้องถิ่นที่ปลูกในพื้นที่จำนวน 20 ชนิด ได้สีย้อมจำนวน 12 สี รวมทั้งพัฒนาผู้นำเกษตรกรรุ่นใหม่ใน การขับเคลื่อนการพัฒนา เสริมสร้างการมีส่วนร่วมในแผนพัฒนาชุมชน การมีเครื่องหมายการค้า “ปางแดงใน” ยกระดับตลาดออนไลน์สินค้าบนพื้นที่สูง สร้าง Storytelling ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่น่าสนใจ เป็นที่น่าจดจำ รวมถึงการทดสอบพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากเศษผ้าเหลือทิ้ง (Upcycle) มาทำเป็นพวงกุญแจปักลวดลายตามวัฒนธรรมของชาวดาราอั้ง เพื่อเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงาน

1. ด้านอาชีพภาคการเกษตร 

- การพัฒนาอาชีพบนฐานความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยนำผลการวิจัยที่สำเร็จแล้วส่งเสริมสู่เกษตรกรที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ เช่น การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเหลื่อมด้วยพืชตระกูลถั่ว ซึ่งเป็นผลงานจากการวิจัยในการปรับระบบการทำการเกษตร จากเดิมที่เกษตรกรปลูกข้าวโพดเป็นอาชีพหลัก ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ รายได้จากการปลูกข้าวโพดเพียงชนิดเดียว เฉลี่ยไร่ละ 2,974 บาท เมื่อปลูกพืชตระกูลถั่วเหลื่อมข้าวโพด จะทำให้มีรายได้จากถั่วเพิ่มขึ้นอีกไร่ละประมาณ 1,505 บาท นอกจากนี้ เกษตรกรยังได้ปุ๋ยหมักจากตอซังข้าวโพดและเศษจากต้นถั่ว ลดการพังทลายของหน้าดิน และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย

 - การส่งเสริมการปลูกพืชโดยใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้โครงการหลวง เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชทางเลือกใหม่ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างเร็ว การปลูกไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว เสริมด้วยองค์ความรู้ และนวัตกรรมจากงานวิจัยด้านพันธุ์พืช เช่น พันธุ์องุ่น เสาวรสหวานปลอดโรค พันธุ์สัตว์ เช่น พันธุ์สุกร สายพันธุ์พื้นเมืองแท้และพื้นเมืองลูกผสมเหมยซาน ไก่พื้นเมือง และผลงานวิจัย เทคนิค เทคโนโลยีการผลิตพืชและสัตว์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำเพียงพอ และพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำ เพื่อบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายเป็นรายได้เสริม โดยใช้แผนที่ที่ดินรายแปลง เป็นเครื่องมือในการวางแผนการปลูกพืชร่วมกับชุมชน ควบคู่กับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน 



2. การพัฒนาแปลงเรียนรู้ของผู้นำเกษตรกร

 นายชาติ จันทรา เป็นเกษตรกรตัวอย่างบ้านปางแดงในที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพการเป็นเกษตรกรผู้นำ (Smart farmer) โดยการส่งเสริมให้ปรับระบบการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการนำองค์ความรู้งานวิจัยมาปรับใช้ในการออกแบบและวางแผนในพื้นที่ ได้รับการวางเป้าหมายให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1) การปลูกไม้ผล ได้แก่ องุ่น ลำไย 2) การปลูกผักในโรงเรือน 3) การปลูกพืชท้องถิ่น Food Bank และ 4) การเลี้ยงปศุสัตว์ ได้แก่ หมูหลุม ปลา มีรายได้สุทธิรวม 144,750 บาทต่อปี เพิ่มจากรายได้เดิมที่ปลูกข้าวโพดเพียงอย่างเดียว ประมาณ 35,000 - 40,000 บาทต่อปี  

3. การส่งเสริมอาชีพนอกภาคการเกษตร

3.1 งานหัตถกรรม

ส่งเสริมและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชาวดาราอั้งที่มีองค์ความรู้ดั้งเดิมเกี่ยวกับพืชที่ให้สีธรรมชาติ เสริมด้วยองค์ความรู้จากงานวิจัยในการย้อมผ้าฝ้ายจากสีธรรมชาติจากพืชท้องถิ่นที่ปลูกในพื้นที่จำนวน 20 ชนิด ได้สีย้อม จำนวน 12 สี นำมาตัดเย็บเป็นย่าม ผ้าพันคอ และเสื้อ พวงกุญแจจากเศษผ้าเหลือทิ้ง (Upcycle) และปักลวดลายตามวัฒนธรรมของชาวดาราอั้ง โดยตั้งเป็น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มหัตถกรรมย้อมสีธรรมชาติบ้านปางแดงใน เพิ่มมูลค่าด้วยการสร้าง Storytelling ของชุมชนเผ่าดาราอั้ง เพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนในหมู่บ้าน ออกงานแสดงสินค้าตามจังหวัดต่าง ๆ และการจำหน่ายออนไลน์ เป็นรายได้เสริมให้แก่ครอบครัว ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ปางแดงใน” สร้างรายได้ให้กลุ่มสตรี เยาวชน จำนวน 2,296,250 บาท (2555-2565) 


3.2 การท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านปางแดงในจัดให้มีโฮมสเตย์

เป็นที่พักสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ได้สัมผัสกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาการย้อมสีธรรมชาติ เป็นการสร้างรายได้เสริมให้แก่ชุมชนอีกทางหนึ่ง โดยการท่องเที่ยวในบ้านปางแดงใน ได้แบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 กลุ่ม การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 

จากผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากด้านอาชีพ ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

การกำหนดขอบเขตและบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกันระหว่างชุมชนและหน่วยงาน การกำหนด “กฎระเบียบ ข้อบังคับและบทลงโทษด้านสิ่งแวดล้อม” ร่วมกับการใช้ข้อมูลสารสนเทศ (แผนที่ดินรายแปลง) การปรับระบบเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดของพื้นที่ ส่งผลให้พื้นที่ปลูกข้าวโพด ลดลงเหลือ 156.5 ไร่ จากพื้นที่การเกษตรทั้งหมด 908.5 ไร่ พื้นที่ป่า 2,406.94 ไร่ ได้รับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ ได้พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น 752 ไร่ จากการปลูกไม้ผล ลดการเผาในแปลงปลูกพืช ไม่มีการบุกรุก และเผาป่า ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อน (Hotspots) เดือนมกราคม – 28 มีนาคม 2564 ในเขตพื้นที่มี ค่าเฉลี่ยน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ คือ ปี 2563 จุด Hotspot พื้นที่ปางแดงใน 78 จุด และปี 2564 จุด Hotspot เหลือเพียง 34 จุด

ด้านสังคม 

มีผู้นำเกษตรกรที่เข้มแข็ง สามารถถ่ายทอดและขยายผลงานวิจัยและพัฒนาสู่ผู้ที่สนใจได้อย่างกว้างขวาง และมีสถาบันเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนชุมชน เสริมสร้างศักยภาพเยาวชนให้ขับเคลื่อนกลุ่มหัตถกรรมย้อมสีธรรมชาติบ้านปางแดงใน เพิ่มทักษะออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ดูแลการตลาด การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผ่านโซเชียลมีเดีย (เพจ Facebook, ไลน์กรุ๊ป และ Instagram) การออกร้านจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จัดตั้งกลุ่มเยาวชนให้มีบทบาทในการบริหารจัดการในชุมชน โดยให้เป็นคณะกรรมการร่วมกันในการคัดแยกขยะทุกวันอาทิตย์เพื่อนำขยะไปจำหน่ายยังโรงรับซื้อของเก่าทุกเดือน ส่งผลให้ลดอัตราการย้ายออกนอกพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ที่ชัดเจน


เขียน/เรียบเรียงโดย

นฤมล ศรีวิชัย (สำนักวิจัย) และรินทิพย์ ต่อปัญญาเรือง (กลุ่มงานกฎหมาย)

ขอบคุณภาพจาก เจ้าหน้าที่โครงการฯปางแดงใน


ออกแบบ และเผยแพร่สื่อออนไลน์โดย...โครงการพัฒนาระบบการเรียนรู้พื้นที่สูงผ่านระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัล ศูนย์ข้อมูลและสารสนเทศ สำนักยุทธศาสตร์และแผน