กาแฟอะราบิกาสายพันธุ์ใหม่

มูลนิธิโครงการหลวงส่งเสริมการปลูกกาแฟอะราบิกาบนพื้นที่สูงสำหรับเป็นพืชสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมานานกว่า 50 ปี และได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของชุมชนบนพื้นที่สูง การปลูกกาแฟอะราบิการะยะที่ผ่านมามีปัจจัยหลายอย่างที่กระทบต่อการให้ผลผลิตและคุณภาพของกาแฟ โดยปัจจัยที่สำคัญชนิดหนึ่งคือสายพันธุ์ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ให้รสชาติการชงดื่มที่ดี และที่สำคัญคือ ทนทานต่อโรคราสนิม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตกาแฟของเกษตรกรเสียหาย ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ในปี พ.ศ. 2557 มูลนิธิโครงการหลวงและ สวพส. จึงได้เริ่มงานวิจัย ด้วยการสำรวจ และรวบรวมสายพันธุ์กาแฟอะราบิก้าในพื้นที่ของมูลนิธิโครงการหลวง และของ สวพส. เพื่อนำมาคัดเลือก และปลูกทดสอบการเจริญเติบโต การให้ผลผลิตสูง การทนทานต่อโรคราสนิม และให้รสชาติการชงดื่มที่ดี เพื่อใช้เป็นสายพันธุ์ส่งเสริมให้กับเกษตรกรได้นำไปปลูกทดแทนต้นเดิมที่อายุมาก ให้ผลผลิตต่ำ หรือต้นที่อ่อนแอต่อโรคราสนิม ปัจจุบัน สามารถคัดเลือกสายพันธุ์กาแฟ ได้ จำนวน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ กาแฟอะราบิกาโครงการหลวง สายพันธุ์ RPF-C3 จากแหล่งพันธุ์อ่างขาง และ RPF-C4 จากแหล่งพันธุ์อินทนนท์ เป็นสายพันธุ์กาแฟคาติมอร์ ได้รับการรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564
คุณลักษณะเด่น
- ทนทานต่อโรคราสนิม ไม่พบการเกิดโรคราสนิมทั้งในระยะต้นกล้าและต้นแม่พันธุ์
- ให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟผลสดสูง เฉลี่ย 3.815 - 4.030 กิโลกรัมต่อต้น หรือ 1,600 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าค่าเฉลี่ยพันธุ์เดิม 2 กิโลกรัมต่อต้น
- เมล็ดกาแฟสารหรือเมล็ดกาแฟดิบ (green coffee) มีขนาดใหญ่
- คุณภาพการชิม (รสชาติมีเอกลักษณ์) ผ่านเกณฑ์กาแฟชนิดพิเศษ (SCA) ที่ 80-81 คะแนน
- กาแฟอะราบิกาโครงการหลวง สายพันธุ์ RPF-C3 มีรสชาติของ Citrus และ Lemon Tea ในขณะที่ RPF-C4 มีรสชาติของ Pineapple Almond และ Butter