การปรับเปลี่ยนระบบการปลูกกาแฟภายใต้ระบบร่มเงาไม้

การปรับเปลี่ยนระบบการปลูกกาแฟภายใต้ระบบร่มเงาไม้
ระบบการปลูกกาแฟบนพื้นที่สูง สามารถแบ่งได้ 3 ระบบ ดังนี้
1) ระบบกลางแจ้ง ปลูกกาแฟเชิงเดี่ยว ไม่มีต้นไม้บังร่มเงาที่ช่วยลดความเข้มแสงและอุณหภูมิ จึงทำให้ต้นกาแฟให้ผลผลิตไม่ยาวนาน และต้นกาแฟเสื่อมโทรมเร็ว ประกอบกับต้องใช้ปัจจัยการผลิตจำพวกปุ๋ยหรือสารเคมีเกษตรอื่นๆ ค่อนข้างสูง
ข้อดี : โดยรวมกาแฟจะติดผลต่อต้นจำนวนมาก ทำให้ได้ผลผลิตสูง
ข้อเสีย : ต้นกาแฟโทรมเร็ว ต้นทุนสูงจากการใช้ปัจจัยการผลิตเพิ่ม เช่น ปุ๋ยเพิ่มขึ้น มีโอกาสเสี่ยงต่อผลผลิตเสียหายจากแสงแดด ลูกเห็บ และน้ำค้างแข็งมากกว่าระบบร่มเงา
2) ระบบร่มเงาปลูกร่วมกับไม้ผล โดยเริ่มปลูกร่มเงาระยะสั้น การปลูกพืชสลับกับการปลูกกาแฟ เช่น การปลูกไม้ผล กล้วย หรือพืชยืนต้นตระกูลถั่ว ไม้บังร่มจะช่วยลดความเข้มแสง อุณหภูมิใต้ทรงพุ่มและอุณหภูมิดินทำให้กาแฟให้ผลผลิตสม่ำเสมอ คุณภาพสูง โดยให้มีร่มเงาได้ไม่เกิน 70%
ข้อดี : ต้นกาแฟไม่โทรม ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตที่ยาวนานกว่า ลดการเกิดโรคระบาด ลดปัญหาการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่า และมีรายได้เสริมจากไม้ผล
ข้อเสีย : ให้ผลผลิตน้อยลง (ถ้าไม่มีการจัดการร่มเงาไม้ผลที่ดี)
3) ระบบเกษตรป่าไม้ (Agroforestry) เป็นการปลูกภายใต้ร่มเงาของไม้ป่าเดิม โดยมีการจัดการระบบร่มเงา โดยให้มีร่มเงาได้ไม่เกิน 70%
ข้อดี : ต้นกาแฟไม่โทรม ลดการเกิดโรคระบาด ลดความเสียหายจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเช่น พายุลูกเห็บ และน้ำค้างแข็ง
ข้อเสีย : ให้ผลผลิตน้อยกว่าระบบกลางแจ้ง (ถ้าไม่มีการจัดการร่มเงาที่ดี) และต้องมีการจัดการสวนที่ดี