พันธุ์กัญชงกับเมล็ดพันธุ์รับรองตามกฎหมาย
ที่มาและความสำคัญ
มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รวบรวมพันธุ์กัญชงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 และเริ่มคัดเลือกพันธุ์ให้มีปริมาณสารเสพติด THC ต่ำ โดยใช้วิธีการคัดเลือกรวม (Mass selection) และในปี พ.ศ. 2554 ได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์เฮมพ์ต่อกรมวิชาการเกษตร 4 พันธุ์ คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4 มีสาร THC ต่ำกว่า 0.3% (0.072- 0.270%) และมีปริมาณ CBD เฉลี่ย 0.824% (0.594 - 1.100 %) และมีเปอร์เซ็นต์เส้นใยเฉลี่ย 13.9 % (12.9 – 14.7 %) สามารถเจริญเติบโตและในพื้นที่สูงที่มีแตกต่างกัน
กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะเฮมพ์ พ.ศ. 2559” (6 ม.ค.60) ได้ระบุความหมายของ “เมล็ดพันธุ์รับรอง” ไว้คือ เมล็ดพันธุ์เฮมพ์จากพันธุ์พืชที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) น้อยกว่าร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง ทั้งนี้ ตามที่ คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยการตรวจวิเคราะห์ของห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์และเป็นพันธุ์พืช ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช ซึ่งผลิตโดยผู้รับอนุญาตผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะเฮมพ์ และในบทเฉพาะกาลระบุไว้ว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีเมล็ดพันธุ์รับรองตามกฎกระทรวงนี้ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตผลิต และใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ออกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
หรือกฎกระทรวง ว่าด้วยการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด ให้โทษในประเภท 4 หรือในประเภท 5 และได้รับหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืชก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) น้อยกว่าร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ผลิต และมีไว้ในครอบครองเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ ประกอบกับกฎกระทรวงฯ เฮมพ์ระบุในระยะเวลา 3 แรกที่มีผลบังคับใช้ ให้เฉพาะหน่วยงานรัฐเป็นผู้ขออนุญาตเท่านั้น ทำให้ สวพส. เป็นหน่วยงานเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการผลิตเมล็ดพันธุ์รับรองในปัจจุบัน
การผลิตเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ของ สวพส. ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ
1 การผลิตเมล็ดพันธุ์คัด (Breeder seed)
โดยนำเมล็ดพันธุ์ที่ขึ้นทะเบียนพันธุ์แล้วมาปลูกในโรงเรือนเพื่อป้องกันการผสมข้ามระหว่างพันธุ์ ตรวจปริมาณสาร THC ต้นเพศเมียแต่ละต้น และนำเมล็ดต้นเพศเมียที่มีปริมาณ THC ต่ำมารวมกันเป็นเมล็ดพันธุ์คัด
2 การผลิตเมล็ดพันธุ์หลัก (Foundation seed)
โดยนำเมล็ดพันธุ์คัดมาปลูกในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 1 พันธุ์ต่อ 1 พื้นที่ หรือต้องมีระยะห่างของแปลงที่ปลูกต่างพันธุ์กันอย่างน้อย 5 กิโลเมตร สุ่มเก็บตัวอย่างใบยอดในระยะออกดอกเพื่อตรวจปริมาณสาร THC ต้นเพศเมีย และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์หลัก
3 การผลิตเมล็ดพันธุ์ขยาย (Extension seed)
นำเมล็ดพันธุ์หลักมาปลูกโดยเกษตรกรฝีมือดีในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 1 พันธุ์ต่อ 1 พื้นที่ หรือต้องมีระยะห่างของแปลงที่ปลูกพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างน้อย 1 กิโลเมตร สุ่มเก็บตัวอย่างใบยอดในระยะออกดอกเพื่อตรวจปริมาณสาร THC ต้นเพศเมีย และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ขยาย
4 การผลิตเมล็ดพันธุ์รับรอง (Certified seed)
นำเมล็ดพันธุ์ขยายมาปลูกโดยเกษตรกรฝีมือดีในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 1 พันธุ์ต่อ 1 พื้นที่ หรือต้องมีระยะห่างของแปลงที่ปลูกพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างน้อย 1 กิโลเมตร สุ่มเก็บตัวอย่างใบยอดในระยะออกดอกเพื่อตรวจปริมาณสาร THC ต้นเพศเมีย และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์รับรอง
* หากเมล็ดพันธุ์ขยาย มีปริมาณเพียงพอ สามารถใช้เป็นเมล็ดพันธุ์รับรองส่งเสริมแก่เกษตรกรได้
ปัจจุบัน สวพส. ได้รวบรวบพันธุ์กัญชงจากพื้นที่สูง และพื้นที่อื่นๆ กว่า 30 สายพันธุ์ สำหรับใช้คัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ทั้งด้านอาหาร เครื่องสำอาง และการแพทย์ เช่น พันธุ์ที่มี CBD สูง พันธุ์สำหรับผลิตเมล็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีเป้าหมายที่จะขึ้นทะเบียนพันธุ์อย่างสม่ำเสมอ
การผลิตเมล็ดพันธุ์ในแต่ละปี สวพส.จะวางแผนตามความต้องการใช้ประโยชน์ โดยปลูกช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. และเก็บเกี่ยวช่วงเดือน พ.ย.- ธ.ค. ประมาณปีละ 2,000- 3,000 กิโลกรัม หากมีผู้สนใจใช้เมล็ดพันธุ์ของ สวพส. สามารถทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงไว้ล่วงหน้าให้สอดคล้องกับฤดูกาลผลิตได้ โดยการรับ-ส่งเมล็ดนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขก่อนเสมอ
เขียน / เรียบเรียงเรื่องโดย: ดร.สริตา ปิ่นมณี, สำนักวิจัย