แรดิช
ชื่อสามัญ Fancy radish
ชื่อวิทยาศาสตร์ Raphanus sativus L . var. radicula
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : [1]
ลักษณะทั่วไป แรดิชเป็นพืชเมืองหนาวอีกชนิดหนึ่งจัดอยู่ในตระกูลกะหล่ำ มีต้นกำเนิดแถบประเทศอียิปต์ ต่อมาได้แพร่กระจายเข้าสู่ประเทศจีนและญี่ปุ่น เป็นพืชสองฤดูแต่นิยมปลูกเป็นพืชฤดูเดียว อายุสั้น ทรงพุ่มใบเล็ก มีรากสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน ลักษณะกลมหรือกรูปไข่ ผิวสีแดง เนื้อในสีขาว มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย ใช้ส่วนรากที่เป็นหัวอยู่ใต้ดิน มีสีแดงด้านบน ส่วนปลายด้านล่างจะมีสีขาวลักษณะรูปทรงคล้ายหัวไชเท้า แต่รูปทรงสั้นกว่าเพียงเล็กน้อย สามารถนำมากินสด ผัด ต้ม หรือลวกเป็นเครื่องเคียงต่างๆ ได้ช่วยเพิ่มสีสันให้น่ารับประทานมากขึ้น มีผลผลิตมากช่วงเดือนธันวาคม - มีนาคม
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร มีคุณค่าทางอาหาร เช่น ประกอบด้วยธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และคาร์โบไฮเดรตสูง แต่มีวิตามินชนิดต่างๆ ต่ำ นิยมนำมารับประทานสดในสลัด ต้มซุป ต้มจืด
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม : [1]
แรดิชเป็นพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น เนื่องจากเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นดินที่ใช้ปลูกควรร่วนปนทราย มีอินทรีย์วัตถุสูง หน้าดินควรลึก ระบายน้ำและอากาศดี และควรมีค่าความเป็นกรด – ด่างอยู่ระหว่าง 6.0 – 6.8 ควรย่อยดินให้ละเอียด และไม่มีเศษหินหรือดินที่เป็นก้อนแข็งหรือปุ๋ยคอกที่ยังไม่สลายตัว เนื่องจากจะทำให้ผลผลิตและคุณภาพต่ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการปลูกอยู่ระหว่าง 15 – 21 องศาเซลเซียส เพื่อการเจริญเติบโตและการลงหัว หากอุณหภูมิต่ำประมาณ 2 – 7 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 4 วัน จะทำให้ออกดอกโดยไม่มีการลงหัว หากอุณหภูมิสูงเกินไปจะมีการเจริญเติบโตทางใบมากและการลงหัวมีขนาดเล็ก เนื้อฟ่าม แข็ง กลิ่นฉุน แรดิชต้องการความชื้นในดินสูงและสม่ำเสมอตลอดฤดูกาลปลูก แต่ต้องไม่แฉะ และควรได้รับแสงตลอดวันเพื่อการเจริญเติบโต และการลงหัว ดังนั้นการเลือกที่ปลูกควรโล่งแจ้ง ไม่มีร่มหรือเงามาบัง
การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : [1]
การเตรียมกล้า โดยการหยอดเมล็ด ข้อควรระวังอย่าหยอดเมล็ดให้ลึกเกินไปและควรหยอดด้วยความระมัดระวัง
การเตรียมดิน โรยปูนขาวละเอียด อัตรา 0 – 100 กรัม/ตร.ม. แล้วขุดดินตากไว้ ประมาณ 14 วัน ดินควรมีความอุดมสมบูรณ์อย่างดี
การปลูก เมื่อขุดดินตากแดดทิ้งไว้อย่างน้อย 14 วัน แล้วควรเก็บหญ้าออกทิ้ง ขึ้นแปลงกว้าง 1 เมตร ย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ย 12 – 24 – 12 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. ใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 1 กก./ตร.ม.และโบแรกซ์ อัตรา 1 กรัม/ตร.ม. คลุกดินให้เข้ากัน กรีดร่องขวางแปลงห่างกัน 15 ซม.หยอดเมล็ด ในร่องระยะ 3 – 5 ซม.กลบดินรดน้ำให้ชุ่ม
การให้น้ำ ควรให้น้ำสม่ำเสมอ โดยการใช้มินิสปริงเกอร์
การให้ปุ๋ย ถอนต้นแยกเมื่อมีอายุได้ 10 – 15 วัน ละลายปุ๋ย 8 – 24 – 24 รดและกำจัดวัชพืช
ข้อควรระวัง
- ควรให้น้ำสม่ำเสมอ ถ้าหากขาดความชื้นจะทำให้หัวฟ่าม แตก หรือหัวบิดเบี้ยว และสูญเสียผลผลิต
- ควรทำการถอนแยกต้นที่ชิดเกินไป เพราะจะทำให้หัวลีบ
- ควรปลูกในดินที่มีทราย หากปลูกในดินเหนียวหัวจะโตยาก
- ควรมีการคลุกเชื้อราไตรโครเดอร์มา ในแปลงปลูกป้องกันโรคโคนเน่า
การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]
ช่วงเก็บเกี่ยว เมื่ออายุ 20 – 28 วัน (พันธุ์ Cherry Belle หัวมีรูปร่างรี พันธุ์ Comet หัวมีรูปร่างกลม)
การเก็บเกี่ยว
- เก็บเกี่ยวเมื่ออายุเหมาะสมโดยการถอนด้วยมือ
- ตัดใบให้เหลือก้านใบยาว 1 เซนติเมตร อย่าให้สีผิวถลอก ช้ำ
- ล้างหัวให้สะอาด ระวังอย่าให้หัวช้ำ ผึ่งผักให้แห้ง
- จัดชั้นคุณภาพและคัดหัวที่มีตำหนิ รูปร่างผิดปกติ และเนื้อฟ่ามทิ้ง
- บรรจุในตะกร้าพลาสติกโดยมีกระดาษกรุรองทั้งตะกร้า
- ลดอุณหภูมิเฉียบพลันหลังเก็บเกี่ยว จนเหลือ 1 – 2 องศาเซลเซียส
- ขนส่งโดยรถห้องเย็น
ข้อกำหนดเรื่องคุณภาพ คุณภาพขั้นต่ำ เป็นแรดิชทั้งหัว มีรูปร่างและสีตรงตามพันธุ์ สด สะอาด เนื้อแน่น ไม่ฟ่าม ไม่มีรอยแตก ภายในหัวมีสีขาว ปลอดภัยจากสารเคมี
การจัดชั้นคุณภาพ
ชั้นหนึ่ง 1. หัวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 - 3 เซนติเมตร
2. มีสีแดงเข้ม ไม่มีสีดำคล้ำ
3. มีตำหนิที่ไม่รุนแรงได้บ้างไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
4. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้นสอง 1. หัวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 - 3 เซนติเมตร
2. ผิวเรียบสะอาด อาจมีสีคล้ำได้ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
3. มีตำหนิที่ไม่รุนแรงได้บ้างไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
4. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้น U 1. หัวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 - 3 เซนติเมตร
2. อาจมีสีคล้ำได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
3. มีตำหนิที่ไม่รุนแรงได้บ้างไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
4. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ข้อกำหนดในการจัดเรียง แรดิชในภาชนะบรรจุเดียวกันต้องเป็นชั้นคุณภาพเดียวกันและมีคุณภาพสม่ำเสมอ
การเตรียมสู่ตลาด 1. ตัดแต่งก้านใบ และรากออก 2. บรรจุในถุงพลาสติกเจาะรู
การเก็บรักษา ที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 90 - 95 เปอร์เซ็นต์ สามารถเก็บรักษาได้นาน 3 – 4 สัปดาห์ (ต้องตัดใบออกให้หมดก่อนการเก็บรักษา)
เอกสารอ้างอิง :
[1] หนังสือเรื่องการปลูกผักบนพื้นที่สูง
[2] ตุลาคม 2545.คู่มือการจัดชั้นคุณภาพผัก.กองพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์