แวกซ์ฟลาวเวอร์
ปัจจุบันไม้ดอกมิได้จำกัดขอบเขตอยู่เพียงแต่พันธุ์ที่มีถิ่นฐานเดิมเท่านั้น ไม้ดอกหลากหลายชนิดหลากหลายพันธุ์จากต่างประเทศที่สามารถนำมาปลูกได้เป็นอย่างดีกับสภาพอากาศในประเทศไทย แวกซ์ฟลาวเวอร์ (Chamelaucium uncinatum) เป็นไม้ยืนต้นที่มีช่วงเวลาออกดอกหลายช่วงตลอดปี สามารถปลูกเป็นไม้ประดับหรือเพื่อการตัดดอก ดังนั้นแวกซ์ฟลาวเวอร์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของฝ่ายงานไม้ดอกมูลนิธิโครงการหลวงที่จะสร้างความหลากหลายของไม้ดอกให้กับตลาดต่อไป
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
แวกซ์ฟลาวเวอร์สามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศเย็นถึงกึ่งร้อนอุณหภูมิ 15-35 องศาเซลเซียส และต้องพรางแสงในสภาพที่ปลูกกลางแจ้งอากาศร้อนหรือแสงมากเกินไป วัสดุปลูกควรมีการระบายน้ำดี มีความเป็นกรดเล็กน้อยจึงเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแวกซ์ฟลาวเวอร์
การตลาด
เนื่องจากแวกซ์ฟลาวเวอร์เป็นไม้ดอกที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่แปลกตาและสามารถนำมาจัดแจกันร่วมกับดอกไม้ชนิดอื่นๆได้ หรือจัดแจกันโดยใช้แวกซ์ฟลาวเวอร์เพียงอย่างเดียว มีความสวยงาม และดูมีจุดเด่นในตัวเอง คาดว่าในอนาคตแวกซ์ฟลาวเวอร์จะได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย และประเทศอื่นด้วย
การขยายพันธุ์
แวกซ์ฟลาวเวอร์สามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ การเพาะเมล็ดและการปักชำ
1. การเพาะเมล็ด การใช้เมล็ดเพาะเป็นวิธีที่ใช้เวลานานและเปอร์เซ็นต์การงอกต่ำโดยการรมควันเมล็ด 30 นาที เพื่อกระตุ้นการงอกของเมล็ด โดยทั่วไปใช้เวลานานประมาณ 3-6 เดือน เมล็ดจึงจะงอก
2. การปักชำ การปักชำใช้กิ่งชำกิ่งแก่และกิ่งอ่อน จะได้ผลดีและควรปักชำในช่วงปลายฝนต้นหนาวแต่เปอร์เซ็นต์การออกรากและรอดตายไม่สูงนัก ช่วงเวลาในการปักชำ 4 เดือน
การเตรียมแปลงปลูกและวิธีการปลูก
การเตรียมแปลงปลูก เนื่องจากระบบรากของแวกซ์ฟลาวเวอร์เป็นแบบลอยบนผิวดิน ดังนั้นการเตรียมแปลงปลูกจึงต้องขุดหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้นและระหว่างแถว 1x1.5 เมตร เพราะแวกซ์ฟลาวเวอร์เป็นไม้พุ่มยืนต้นสูงประมาณ 2 - 4 เมตร
การเตรียมดิน สำหรับดินปลูกควรมีการระบายน้ำดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย เพิ่มอินทรีย์วัตถุ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เปลือกข้าว เป็นต้น
การดูแลรักษา
การจัดการด้านความเข้มแสง แวกซ์ฟลาวเวอร์ต้องพรางแสงในสภาพที่ปลูกกลางแจ้งหรือแสงมากเกินไป การพรางแสงใช้ตาข่ายพรางแสง 50 เปอร์เซ็นต์ 1 ชั้น
การจัดการด้านอุณหภูมิ อุณหภูมิและแสงเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กันโดยตรง ถ้าความเข้มข้นแสงสูงจะมีผลทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นด้วย อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและออกดอกของแวกซ์ฟลาวเวอร์จะอยู่ในช่วง 15-35 องศาเซลเซียส ดังนั้นการพรางแสงจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อุณหภูมิลดลง และเวกซ์ฟลาวเวอร์ยังเป็นพืชที่ต้องการวันสั้นเพื่อการชักนำให้สร้างดอกด้วย
ปุ๋ย วิธีให้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ ให้ปุ๋ยไปพร้อมกับน้ำ ปริมาณธาตุอาหารขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และความต้องการของพืช สำหรับปุ๋ยที่ใช้กับแวกซ์ฟลาวเวอร์จะแบ่งเป็นระยะ คือ ระยะการแตกใบและระยะการออกดอก
ปริมาณปุ๋ยที่รดเมื่อแวกซ์ฟลาวเวอร์แตกใบ Stock 10 ลิตร (แม่ปุ๋ย 1 ลิตร เติมน้ำ 20 ลิตร)
แม่ปุ๋ย ปริมาณที่ใช้
กรดไนตริก 30 ซ๊ซ๊
46-0-0 1 กิโลกรัม
13-0-46 1 กิโลกรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต 260 กรัม
ยูนิเลท 25 กรัม
ปริมาณปุ๋ยที่รดเมื่อแวกซ์ฟลาวเวอร์สร้างดอก Stock 10 ลิตร (แม่ปุ๋ย 1 ลิตร เติมน้ำ 20 ลิตร)
แม่ปุ๋ย ปริมาณที่ใช้
กรดไนตริก 30 ซ๊ซ๊
15-0-0 1 กิโลกรัม
13-0-46 1 กิโลกรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต 260 กรัม
ยูนิเลท 25 กรัม
การให้น้ำ
หลังจากปลูกควรรดน้ำต้นกล้าให้ชุ่มอยู่เสมอ และเมื่อต้นตั้งตัวได้ควรให้น้ำและปุ๋ยวันเว้นวันในช่วงฤดูร้อน แต่ในช่วงฤดูฝนควรสังเกตดูดินว่ายังขึ้นชื้นอยู่หรือไม่เพราะถ้ารดวันเว้นวันจะทำให้ต้นเน่าตายได้
โรคและศัตรูพืช โรคที่พบในแวกซ์ฟลาวเวอร์ คือ
1. เกิดจากเชื้อรา Botrytis sp.
อาการยอดอ่อนแห้งใบร่วงมีเส้นใยของเชื้อราปกคลุม
การป้องกันและกำจัด ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคออกแล้วนำไปเผาทำลาย ควบคุมโรคโดยใช้สารเคมี ซูมิเล็กซ์ ดาโคนิล ไดเทนเอ็ม-45 หรือ แคปแทน ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน เมื่อพบอาการ
2. เกิดจากเชื้อราPestalotiopsis sp.
อาการยอดและกิ่งแห้งตาย
การป้องกันและกำจัดตัดแต่งกิ่งที่พบโรคออกแล้วนำไปเผาทำลายควบคุมโรคโดยใชสารเคมีแอนทราโคล หรือไดแทนเอ็ม -45 ฉีดพ่นสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
3. เกิดจากเชื้อรา Fusarium sp.
อาการต้นเหี่ยว รากเน่าแห้งเป็นสีน้ำตาล รากขดตัวเป็นกลุ่มไม่ค่อยกระจาย ท่อน้ำท่ออาหารบริเวณราก และโคนต้นเป็นสีน้ำตาล
การป้องกันละกำจัดขุดต้นที่พบอาการออก นำเชื้อราไตรโคเดอร์ม่ารองก้นหลุมเก่าหรือหลุมใหม่ก่อนปลูกด้วยทุกครั้ง
การเก็บเกี่ยว
ระยะการเก็บเกี่ยวและสภาพแวดล้อมขณะเก็บเกี่ยว ตัดดอกเมื่อดอกเริ่มบาน 1 ใน 3 ของช่อดอก ให้เก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวในตอนเช้าและไม่ควรเก็บเกี่ยวในช่วงที่อากาศร้อนของวัน
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
1. การ Pulsing (ส่วนประกอบของสารเคมียืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น และวิธีการแช่)
การใช้สารเคมี 8 HQS 2.000 ppm ร่วมกับน้ำตาลซูโครส 20 กรัม สามารถยืดอายุการปักแจกันได้
2. อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 0-1 องศาเซลเซียส จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้การห่อพลาสติกจะช่วยลดการสูญเสียในน้ำระหว่าการเก็บรักษาในสภาพแห้ง 0 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้นาน 2 สัปดาห์
เอกสารอ้างอิง :
มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน). 2549. คู่มือการผลิตไม้ตัดดอกและไม้ตัดใบ. มูลนิธิโครงการหลวง. เชียงใหม่. 375 หน้า.