โรคพืชผักที่ควรรู้ต้องระวังในฤดูฝน
การปลูกพืชในฤดูฝน เป็นระยะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราศัตรูพืชต่างๆ การจัดการแปลงปลูก การดูแลพืชผักในฤดูฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรมีการวางแผนที่ดี เพื่อสกัดและป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่มีแสงแดดจำกัด (ฟ้าปิด) ทำให้พืชสังเคราะห์แสงหรือสร้างอาหารได้น้อยลง ส่งผลให้พืชอ่อนแอและโรคเข้าทำลายได้ง่าย หากฝนตกหนักติดต่อกันเกินกว่า 2-3 วัน พืชผักสามารถเกิดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายและมีการระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยโรคที่สำคัญในฤดูฝน ได้แก่ โรคใบจุดตากบ โรคใบจุด โรคราน้ำค้างและโรคเน่าคอดิน เป็นต้น ดังนั้นควรรู้จักลักษณะและวิธีการป้องกันโรคที่พบในช่วงฤดูฝนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพืชได้
1.โรคใบจุดตากบ (Cercospora Leaf Spot) เกิดจากเชื้อราชั้นสูง Cercospora sp. เข้าทำลายพืชทุกระยะการเจริญเติบโต ในสภาวะอากาศอบอุ่นชื้น ซึ่งเป็นปัญหากับเกษตรกรที่ปลูกพืชผักหลายชนิด เช่น พืชในตระกูลสลัด ได้แก่ คอส เบบี้คอส บัตเตอร์เฮด ผักกาดหอมห่อ เป็นต้น
ลักษณะอาการ แผลเป็นจุดจุดฉ่ำน้ำสีน้ำตาลอ่อนบนใบพืชจะมีรูปร่างค่อนข้างกลม ขนาด 1-5 มิลลิเมตร เนื้อเยื้อกลางแผลจะมีสีขาวหรือเทา กลางแผลจะมีเชื้อราสีเทาดำ ใบจะเหลืองทั้งใบ แผลที่ลำต้นและกิ่งมีลักษณะเป็นแผลยาวสีน้ำตาลเข้ม-ดำ
วิธีการป้องกันกำจัด
1. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดและปลอดโรค หรือกำจัดเชื้อที่อาจติดมากับเมล็ดด้วยการแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 50 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที หรือคลุกเมล็ดด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา
2. ปลูกพืชหมุนเวียน และกำจัดวัชพืชและเศษซากพืชที่เป็นโรคหลังการเก็บเกี่ยว
3. ไถตากดิน และควรไถพลิกหน้าดิน 2-3 ครั้ง ช่วยลดการสะสมของโรค
5. จัดการแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดี และควรมีอากาศถ่ายเท
5. ใช้สารชีวภัณฑ์ฉีดพ่น เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา (พีพี-ไตรโค) หรือเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทีลีส
(พีพี-บีเค 33, ลาร์มิน่า)
6. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอหากพบการระบาดของโรคใช้สารเคมี เช่น คลอโรธาโลนิลหรือ โพรคลอราช พ่นสลับ กับไดฟีโนโคนาโซล หรือ ไพราโคลสโตรบิน หรือ เบโนมิล หรือสารประกอบทองแดง เช่น คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ หรือคอปเปอร์ไฮดรอกไซด์
2.โรคใบจุด (Alternaria leaf spot) มีสาเหตุมาจากเชื้อรา Alternaria brassicae. มักทำให้เกิดความเสียหายให้กับพืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ คะน้า ผักกาดกวางตุ้ง ผักกาดขาวปลี กะหล่ำปลี เป็นต้น สภาพอากาศที่มีความชื้นสูงหรือสภาพอากาศร้อนชื้น ประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อสาเหตุ
ลักษณะอาการที่ใบเกิดเป็นจุดเล็กและขยายเป็นวงกลมสีน้ำตาลทับซ้อนกันในเวลาต่อมา บริเวณเนื้อเยื่อขอบแผลมีสีเหลืองอ่อน แผลมีทั้งเล็กและใหญ่ ต่อมาแผลขยายชั้นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
วิธีการป้องกันกำจัด
1. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดและปลอดโรค หรือกำจัดเชื้อที่อาจติดมากับเมล็ดด้วยการแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 50 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที หรือคลุกเมล็ดด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา
2. เมื่อพบต้นพืชที่เกิดโรคให้ถอนทิ้งนอกแปลง และกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกช่วยลดการสะสมของโรค
3. ปลูกพืชหมุนเวียนกับพืชตระกูลอื่นๆ
4. ใช้สารชีวภัณฑ์ฉีดพ่น เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา (พีพี-ไตรโค) หรือเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทีลีส
(พีพี-บีเค 33, ลาร์มิน่า)
5. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอหากพบการระบาดของโรคใช้สารเคมี เช่น คลอโรธาโลนิลหรือ โพรคลอราช พ่นสลับ กับไดฟีโนโคนาโซล หรือ ไพราโคลสโตรบิน หรือ เบโนมิล