ถั่วหวาน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pisum sativum
ชื่อสามัญ Sugar snap pea
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : [1]
ลักษณะทั่วไป
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร ถั่วหวานมีคุณค่าทางอาหารเหมือนถั่วลันเตาโดยทั่วไปคือ มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสมาก เหมาะอย่างยิ่งต่อการบำรุงกระดูกและฟัน หากฝักแก่สามารถนำเมล็ดมาประกอบอาหารได้หลายชนิดเช่น ลวกและโรยบนสลัด ผัดผักรวม ใส่ไข่ยัดใส้ ข้าวผัดเป็นต้น สำหรับฝักสดสามารถนำมาลวกรับประทานกับสเต๊ก หรือผัดไฟแรงอย่างรวดเร็ว จะมีรสหวานและกรอบ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม : [1]
ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถั่วลันเตา ควรมีลักษณะร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์สูง หน้าดินลึก และควรมี pH อยู่ระหว่าง 5.5 – 6.5 อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง 13 – 18 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า 29 องศาเซลเซียส จะทำให้การเจริญเติบโตชะงัก และในกรณีที่อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส ดอกและฝักร่วง ไม่ควรปลูกในสภาพอากาศเย็นมีน้ำค้างแข็ง โดยเฉพาะในระยะที่ดอกบานและเริ่มติดฝัก และควรได้รับแสงตลอดทั้งวัน
การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : [1]
การเตรียมดิน ขุดดินและใส่ปูนขาวตามคำแนะนำจากการวิเคราะห์ดินอัตรา 0 – 100 กรัม/ตร.ม. ทิ้งไว้ 10 วัน ก่อนปลูกคลุกปุ๋ย 0 – 4 – 0 อัตรา 40 กรัม/ตร.ม. กับ 12 – 24 – 12 อัตรา 25 – 30 กรัม/ตร.ม. ลงในดินแปลงกว้าง 1 ม. (แถวคู่)
การปลูก ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 1 กก./ตร.ม. รองพื้นก่อนปลูกและโรยตามร่องแถวปลูก พรวนดิน และหยอดเมล็ดโดยขีดร่องยาวตามแปลงลึก 5 ซม. หยอดเมล็ด 1 เมล็ด ห่างกัน 6 ซม. แถวห่าง 50 ซม. (ปลูกแถวคู่) กลบดินแล้วรดน้ำ ราดแปลงด้วยเซฟวิน – 85 บนแปลงป้องกันมดกินหรือขนย้ายเมล็ด
ข้อควรระวัง
- หยอดเมล็ดลึกจะทำให้เน่า
- ควรคลุกเมล็ดด้วยไตรโคเดอร์มาหรือเอพรอน 3
การทำค้าง เมื่อปลูกได้ 10 วัน โดยปักไม้ค้างสูง 2 เมตร ระยะห่าง 1เมตร ผูกเชือกช่วงละ 20 ซม. ของค้าง
การให้น้ำ ให้น้ำทุก 2 – 3 วัน โดยเฉพาะช่วงออกดอก หากขาดน้ำจะไม่ติดฝัก
การให้ปุ๋ย
- พืชอายุ 20 วัน ให้ปุ๋ย 46 – 0 – 0 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม.
- พืชอายุ 30 วัน ให้ปุ๋ย 13 – 13 – 21 อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. กลบดินบางๆ แล้วรดน้ำตาม ควรกำจัดวัชพืชพร้อมการให้ปุ๋ย
การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]
ช่วงเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 50 – 60 วัน เก็บฝักที่ยังอ่อน และมีเมล็ดขึ้นเล็กน้อย ฝักโป่งพองได้เล็กน้อยจากเมล็ดอ่อนข้างในฝัก
การเก็บเกี่ยว
1. เก็บเกี่ยวในระยะฝักอ่อนมีเมล็ดและเป็นที่ต้องการของตลาด
2. คัดฝักที่มีตำหนิจากโรคและแมลงออกให้หมด จัดชั้นคุณภาพ
3. บรรจุในตะกร้าพลาสติก ประมาณ 8 กิโลกรัมต่อลัง
4. ลดอุณหภูมิเหลือ 1 – 2 องศาเซลเซียส และขนส่งโดยรถห้องเย็น
ข้อกำหนดเรื่องคุณภาพ คุณภาพขั้นต่ำ มีรูปร่างลักษณะและสีตรงตามพันธุ์ ฝักมีสีเขียวสด ไม่มีตำหนิจากโรคและแมลง หรือตำหนิอื่นใด เมล็ดอ่อน สด สะอาด และปลอดภัยจากสารเคมี
การจัดชั้นคุณภาพ
ชั้นหนึ่ง 1. ฝักมีขนาดยาว 4.5 เซนติเมตรขึ้นไป มีฝักโป่งพองปะปนมาได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้นสอง 1. ฝักมีขนาดยาว 3.5 - 4.5 เซนติเมตร มีฝักที่มีเมล็ดแก่ เป็นฝักโป่งพองปะปนมาได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
2. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้น U 1. ความยาวของฝักน้อยกว่า 3.5 เซนติเมตร
2. มีตำหนิปะปนมาได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
3. มีฝักโป่งพองปะปนมาได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
4. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ข้อกำหนดในการจัดเรียง ถั่วหวานที่อยู่ในภาชนะบรรจุเดียวกันต้องเป็นพันธุ์เดียวกัน เป็นชั้นคุณภาพเดียวกัน และมีคุณภาพสม่ำเสมอกัน
การเก็บรักษา ควรเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 95 – 98 เปอร์เซ็นต์ สามารถเก็บรักษาได้นาน 1 สัปดาห์
เอกสารอ้างอิง :
[1] หนังสือเรื่องการปลูกผักบนพื้นที่สูง
[2] ตุลาคม 2545.คู่มือการจัดชั้นคุณภาพผัก.กองพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์