ผักกาดฮ่องเต้
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : [1]
ลักษณะทั่วไป ผักกาดฮ่องเต้จัดเป็นพืชตระกูล Brassicaceae (Crucifereae - Mustard family) มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ญี่ปุ่นและเอเชียกลาง นำเข้ามาปลูกในไทยเป็นระยะเวลานาน เป็นพืช 2 ฤดู แต่ปลูกเป็นพืชฤดูเดียว ก้านใบมีสีเขียวอ่อน ลักษณะแบน ส่วนโคนก้านใบจะขยายกว้างมากและหนา เนื้อกรอบ ปลายใบมน ไม่ห่อหัว เป็นผักที่มีรสหวาน และกรอบ ตามภัตตาคารนิยมนำมาผัดน้ำมันหอย ต้ม หรือตุ๋น มีผลผลิตตลอดทั้งปี
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร ผักกาดฮ่องเต้เป็นผักที่มีวิตามินสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีธาตุอาหารพวกแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มเป็นแกงจืด รสชาติหวาน และกรอบ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม : [1]
อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง 20 – 25 องศาเซลเซียส แต่สามารถทนต่อสภาพอุณหภูมิสูงได้ดีกว่ากลุ่มผักกาดหัว ดังนั้นจึงสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ผักกาดฮ่องเต้สามารถเจริญเติบโตในดินแทบทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาพดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ และอินทรีย์วัตถุสูง ค่าความเป็นกรด – ด่างอยู่ระหว่าง 6.0 – 6.8 ถึงแม้ผักกาดฮ่องเต้จะทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี แต่ก็ไม่ทนทานต่อความแห้งแล้ง เนื่องจากเป็นพืชอายุสั้น และเจริญเติบโตเร็ว ดังนั้นแปลงปลูกควรต้องมีความชื้นสูงประมาณ 60 – 80 % เป็นอย่างน้อย และต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน เพื่อการสังเคราะห์อาหาร
การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : [1]
การเตรียมกล้า เพาะกล้าแบบประณีต ในถาดหลุม อายุกล้า 15 – 20 วัน
การเตรียมดิน ไถดินลึกประมาณ 15 – 20 ซม. หรือขุดดินตากแดดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อกำจัดโรคแมลงและวัชพืช คลุกปูนขาวอัตรา 0 – 100 กรัม/ตร.ม. เก็บเศษวัชพืชออกจากแปลง
การปลูก
- ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 1 กก ./ ตร . ม . และปุ๋ย 15 – 15 – 15 อัตรา 30 กรัม / ตร . ม . ลงในดิน พรวนดินให้ละเอียด ขึ้นแปลงกว้าง 100 – 120 ซม. ให้ร่องห่าง 50 ซม. ปรับหน้าแปลงให้เรียบ
- หากใช้วิธีหยอดเม็ดโดยตรง ให้ใช้นิ้วกดหลุมลึก 0.5 ซม. หยอดเมล็ด 5 เมล็ดต่อหลุม ระยะปลูกแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละฤดู กลบเมล็ด รดน้ำให้ชุม ฉีดพ่น เซฟวิน 85 ป้องกันมดเข้าทำลาย
- หากย้ายปลูกระยะปลูก : ฤดูฝนและฤดูหนาว 25 x 20 ซม. ฤดูร้อน 20 x 20 ซม .
ข้อควรระวัง 1. หากใช้วิธีการหยอดเมล็ดอย่าใช้ในปริมาณที่มากเกินไป 2. ฉีดพ่นธาตุอาการเสริมให้สม่ำเสมอ
การให้น้ำ ให้น้ำแบบสปริงเกอร์ หรือระบบน้ำหยด
การให้ปุ๋ย ปลูกซ่อมต้นที่เสียหายภายใน 7 วันหลังย้ายปลูก กำจัดวัชพืชทุก 15 – 20 วัน หลังย้ายปลูกหรือเมล็ดงอก และทำการถอนแยกให้เหลือ 2 – 3 ต้น ขีดร่องลึก 2 ซม.ระหว่างแถวปลูกโรยปุ๋ย 46 – 0 – 0 ลงไปแล้วกลบดิน แล้วรดน้ำ อาจเพิ่มปุ๋ย 15 – 15 – 15 อัตรา 15 – 30 กรัม/ตร.ม. ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตามความจำเป็น และฉีดพ่นธาตุอาหารเสริม รดน้ำให้สม่ำเสมอ
ข้อสังเกตสำหรับเจ้าหน้าที่ส่งเสริม
ช่วงแล้งผลผลิตจะน้อยมาก ควรมีการส่งเสริมให้มีผลผลิตมากขึ้น ส่วนฤดูหนาวมักออกดอกเร็ว ควรมีการเพาะกล้าและปลูกตลอดจนเก็บเกี่ยวให้ตรงกับระยะเวลาและพันธุ์นั้นๆ เพราะถ้ากล้าแก่เกินไปหรือเก็บผลผลิตช้าเกินไป มักจะได้คุณภาพและราคาต่ำ
การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]
ช่วงเก็บเกี่ยว เมื่ออายุ 45 – 50 วัน
การเก็บเกี่ยว ควรเก็บเกี่ยวก่อนออกดอก (อายุประมาณ 35 – 45 วัน หลังปลูก) อย่าปล่อยให้ต้นแก่เกินไป คุณภาพจะต่ำลง ตัดต้นเหนือระดับดินเล็กน้อย เด็ดใบเสียหรือใบเหลืองออก ควรเหลือใบนอกไว้ 2 – 3 ใบป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง หากผลผลิตเปียกควรผึ่งให้แห้งก่อนบรรจุส่ง ไม่ควรล้างผลผลิตเพราะจะทำให้เน่าเสียหายได้ง่าย
ข้อกำหนดเรื่องคุณภาพ คุณภาพขั้นต่ำ เป็นผักกาดฮ่องเต้ทั้งต้น สด สะอาด มีรูปร่างและสีตรงตามพันธุ์ ไม่มีรอยฉีกหรือแตกที่ก้านใบหรือใบ แก่พอดี ไม่แทงช่อดอก ปลอดภัยจากสารเคมี
การจัดชั้นคุณภาพ
ชั้นหนึ่ง 1. ลำต้นมีขนาดใหญ่ น้ำหนัก 300 กรัมขึ้นไป
2. มีตำหนิจากโรคและแมลงได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
3. ลำต้นไม่กลวง
4. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้นสอง 1. มีน้ำหนัก 200 – 300 กรัม
2. มีตำหนิจากโรคและแมลงได้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
3. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ชั้น U 1. มีน้ำหนัก ต่ำกว่า 200 กรัม
2. มีตำหนิจากโรคและแมลงได้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ และรอยฉีดหรือแตกของก้านใบได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนในภาชนะบรรจุ
3. มีคุณภาพอย่างน้อยตามคุณภาพขั้นต่ำ
ข้อกำหนดในการจัดเรียง ผักกาดฮ่องเต้ในภาชนะบรรจุเดียวกันต้องเป็นชั้นคุณภาพเดียวกันและมีคุณภาพสม่ำเสมอ
การเตรียมสู่ตลาด 1. ตัดแต่งใบนอกและตำหนิออก 2. ตัดโคนลำต้นออกเพื่อให้ดูสด
การเก็บรักษา อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 95 – 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถเก็บรักษาได้นาน 2 – 4สัปดาห์
ช่วงเวลาที่มีผลผลิต : ม.ค. - ธ.ค.
เอกสารอ้างอิง :
[1] หนังสือเรื่องการปลูกผักบนพื้นที่สูง
[2] ตุลาคม 2545.คู่มือการจัดชั้นคุณภาพผัก.กองพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์