บ้านปางยาง อ.ปัว จ.น่าน มีชนเผ่าลัวะ 61 ครัวเรือน 279 คน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำย่างของแม่น้ำน่าน ที่หล่อเลี้ยงประชากรใน 2 อำเภอ คือ ปัวและท่าวังผา ซึ่งอยู่ห่างไกลทุรกันดาร เข้าไม่ถึงบริการพื้นฐาน ยากจน ขาดความรู้ ทำการเกษตรในป่าต้นน้ำด้วยวิถีดั้งเดิม มีการเผาป่าเพื่อขยายพื้นที่การเกษตรปลูกข้าวโพดแต่รายได้ไม่เพียงพอ ปลูกข้าวไร่หมุนเวียนเพื่อบริโภคได้ผลผลิตน้อย ใช้สารเคมีมาก ทำให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า ในปี 2545 เกิดความขัดแย้งระหว่างบ้านศิลาเพชรกับบ้านปางยาง เพราะความกังวลเรื่องสารเคมีที่อาจจะปนเปื้อน ตกค้างในน้ำ รวมถึงมลพิษทางอากาศจากการเผา และการบุกรุกป่าต้นน้ำ ต่อมาปี 2551 สวพส. เข้าส่งเสริมอาชีพตามแนวทางโครงการหลวง เน้นส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้พื้นที่น้อย ให้ผลตอบแทนสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนที่ดินรายแปลง เพื่อกำหนดขอบเขตที่ดินทำกินไม่ให้รุกเข้าไปในเขตป่าต้นน้ำ โดยมี 45 ครัวเรือนปรับระบบการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่อีก 16 ครัวเรือน ยังลักลอบขึ้นไปปลูกพืชในเขตป่าต้นน้ำย่าง ทำให้เกิดความขัดแย้งกับชุมชนปลายน้ำ
แปลงแหล่งเรียนรู้ บ้านปางยาง ปรับวิถีคืนฝืนป่า
สวพส. สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนบ้านปางยางทุกขั้นตอน ตั้งแต่ระดับการให้ข้อมูล ภารกิจ และแนวทางการทำงานของ สวพส. สร้างความตระหนักรู้ถึงอันตราย อันเกิดมาจากการทำเกษตรที่ไม่ถูกต้อง สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการที่แท้จริงร่วมกัน และปรึกษาหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยจัดเวทีประชาคมของหมู่บ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้คนในชุมชนมีบทบาทในการร่วมอภิปราย และแสดงความคิดเห็น ร่วมลงมติตัดสินใจในการกำหนดแนวทางและกิจกรรม/โครงการ จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของปัญหา ภายใต้คำปรึกษาแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนร่วมกัน ที่เป็นเครื่องมือใช้วางแผนทำงานตามภารกิจไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้คนในชุมชนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาชุมชน จัดทำแผนที่ดินรายแปลง เพื่อกำหนดขอบเขตป่าและที่ดินทำกินออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้บุกรุกเข้าไปในเขตป่าต้นน้ำ โดย สวพส. ได้เข้าไปให้ความรู้และส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้พื้นที่น้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งมีเกษตรกรจำนวน 45 ครัวเรือน สมัครใจให้ความร่วมมือในการปรับระบบการเกษตร เรียกว่าเป็น “กลุ่มชุมชนปางยางสีเขียว” ร่วมกันสร้างแรงบันดาลให้พี่น้องชาวบ้านปางยางที่เหลืออีก 16 ครัวเรือน ที่ยังไม่มั่นใจ ยินยอมย้ายพื้นที่ทำการเกษตรและปรับเปลี่ยนระบบเกษตร ร่วมกันทั้งชุมชนภายใต้ “กติกาบ้านปางยาง”