องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

แอสพีดีสตร้า

แอสพีดีสตร้า Aspidistra elatior เป็นพืชที่มีสีใบสีเขียวมันจัด ปลายใบแหลมคล้ายหอก ความยาวของใบประมาณ 50 เซนติเมตร ความกว้างของประมาณ 10 เซนติเมตร ก้านยาวประมาณ 1 ใน 3 ส่วนของใบ อายุการปักแจกันได้นาน

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

แอสพีดีสตร้าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย และต้องการความชื้นและแสงสว่างที่เหมาะสม

การตลาด

เป็นไม้ใบที่มีสีเขียวมันจัด ปลายใบแหลมคล้ายหอก มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมทั่วๆไป เหมาะสำหรับการนำไปปักแจกันโดยการม้วนใบให้ลมซ้อนกัน 2 ใบ จัดให้สวยงาม

การขยายพันธุ์

วิธีการขยายพันธุ์

สามารถขยายพันธุ์ได้ โดยการแยกหน่อ ขุดแยกลำต้นใต้ดินนำมาแบ่งแยกหน่อให้มีใบติดที่กอ 3-4 ใบ ในช่วงก่อนฤดูฝน

การอนุบาล

เพาะกล้าที่แบ่งแยกลำต้นลงในถุงเพาะปลูกขนาด 4x6 นิ้ว นำมาไว้ในโรงเพาะชำโดยมีการพรางแสง 50-70 เปอร์เซ็นต์ ทำการให้น้ำ และปุ๋ยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

ช่วงระยะเวลาในการขยายพันธุ์ที่เหมาะสม คือ ช่วง ฤดูร้อน

การเตรียมแปลงปลูกและวิธีการปลูก

การเตรียมแปลง

1.เตรียมแปลงปลูก

- โดยให้มีส่วนผสมของปุ๋ยคอก เปลือกข้าว ปุ๋ยหมัก อย่างละ 2 ปี๊บ/1ตารางเมตร ปูนขาวหรือโดโลไมท์ 400 กรัม/1 ตารางเมตร ปุ๋ยร็อคฟอสเฟต 300 กรัม/1ตารางเมตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน

-ทำแปลงปลูก 1x20 เมตร ร่องทางเดิน 0.50 เมตร ใช้ระยะปลูก 30x50 เซนติเมตร

2.การเตรียมดิน

-ทำความสะอาดบริเวณพื้นที่กำจัดวัชพืชชนิดต่างๆที่ทิ้ง

-ทำการขุดพลิกดินตากแดด 1 อาทิตย์ เพื่อฆ่าเมล็ดวัชพืช

-เตรียมอินทรีย์วัตถุ เช่น ข้าวเปลือก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปูนขาว ปุ๋ยโดโลไมท์ ผสมคลุกเคล้ากันหมักทิ้งไว้

3.เทคนิควิธีการปลูก

-จัดทำแปลงปลูกโดยกำหนดแปลงปลูก 1 เมจร ร่องทางเดิน 0.50 เมตร เจาะหลุม 30x50 เซนติเมตร ปลูกสลับฟันปลา

-ให้น้ำแปลงปลูกพอชุ่มเพื่อให้มีความชุ่มชื้นเพียงพอ

การดูแลรักษา

1. การจัดการด้านความเข้มแสง

แอสพีดีสตร้าสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพโรงเรือนพรางแสงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์

2. การจัดการด้านอุณหภูมิ

แอสพีดีสตร้าสามารถเจริญเติบโตในสภาวะอุณหภูมิอบอุ่นในช่วงฤดูร้อน แต่ต้องไม่เย็นจัดในฤดูหนาว

3. การให้ปุ๋ย แอสพีดีสตร้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง โดยใช้สูตรปุ๋ย ดังนี้

ปุ๋ย                                                 สูตร                     ถัง A (200 ลิตร)              ถังB (200 ลิตร)

โมโนแอมโมเนียมฟอสเฟต         12-60-0         10 กิโลกรัม              -

โปรแตสเซียมไนเตรท            13-0-46                15 กิโลกรัม                    10 กิโลกรัม

ยูเรีย                     46-0-0                              -                           25 กิโลกรัม

แคลเซียมไนเตรท              15-0-0                              -                            5 กิโลกรัม

แมกนีเซียมซัลเฟต             MgSo4.7H2O        4 กิโลกรัม               -

ปุ๋ยยูนิเลท                                                                     500 กรัม              -

รวมเนื้อปุ๋ย                                29.5 กิโลกรัม            40 กิโลกรัม

หมายเหตุ อัตราการใช้ ใช้ปุ๋ยสูตร A 1 ลิตร สูตร B 2 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร รดต้นไม้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

การให้น้ำ

ควรให้ความชุ่มชื่นตลอดเวลา แต่อย่าให้ถึงขั้นกับชื้นแฉะ เพราะจะทำให้ระบบรากขาดอากาศถ่ายเท

โรคและศัตรูพืช

โรคใบจุด

สาเหตุ: เกิดจากเชื้อรา

วิธีจัดการ : ควรตัดแต่งใบให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

การเก็บเกี่ยว

ระยะการเก็บเกี่ยว

ควรคัดเลือกใบที่มีสีเขียวเข้ม มันจัด ความยาวใบประมาณ 50 เซนติเมตร ความกว้างใบ 10 เซนติเมตร ความยาวก้านใบ 5 เซนติเมตร ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลาย

วิธีการเก็บเกี่ยว

-ควรใช้กรรไกรตัดก้านใบบริเวณผิวดินของใบที่สมบูรณ์ ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลาย นำมาเข้ากำๆละ 10 ใบ

-ควรแช่ก้านใบทันทีลหังการตัดในสภาพโรงเรือนพรางแสง

สภาพแวดล้อมขณะเก็บเกี่ยว (ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยว)

ควรอยู่ในสภาพอากาศเย็น แสงแดดไม่จัด

การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว

การคัดบรรจุ

1.ใบแอสพีดีสตร้าที่ตัดแล้ว ควรได้รับการแช่น้ำทันทีในแปลงปลูก โดยไม่ต้องใช้น้ำยาช่วย

2.นำมาเข้ากำๆละ 10 ใบ

โดยทำการหุ้มสำลีที่โคนก้าน และใช้ถุงพลาสติกใส ขนาด 3x5 นิ้ว ห่ออีกทีบรรจุในถุงสลิปตราดอยคำรอการขนส่งให้ฝ่ายคัดบรรจุ

อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเก็บรักษา

อุณหภูมิห้องอากาศปกติธรรมดาโดยทั่วไป