องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน - HKM

ตุ่มเงินตุ่มทอง

 

ชื่อสามัญ     Pussy willow

ชื่อวิทยาศาสตร์  Salix sp.


ตุ่มเงินตุ่มทอง เป็นพืชที่เหมาะสมสำหรับปลูกในพื้นที่ ศูนย์ฯ ห้วยน้ำริน และผลผลิตคุณภาพสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรบนพื้นที่สูง สามารถปลูกได้ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 800-1,000 เมตร

การขยายพันธุ์

วิธีการปักชำ

นำกิ่งดอกยาว 10-15 เซนติเมตร ปักชำในแปลงที่เตรียมวัสดุปลูก เช่น เปลือกข้าว ปุ๋ย-หมัก ขนาดแปลงปลูกกว้าง 1 เมตร ปักชำกิ่งห่างกัน 10 เซนติเมตร รดน้ำทุกๆ วัน ประมาณ 1-2 เดือน หรือนำไปปักชำในขี้เถ้าแกลบดำใส่ในถุงพลาสติกขนาด 6x8 เซนติเมตร ปักชำประมาณ 1-2 เดือน (รดน้ำทุกๆ วัน)

การอนุบาล

การอนุบาลต้นเพื่อรอการปลูกในโรงเรือนภายใต้ซาแลน 50 เปอร์เซ็นต์

ช่วงระยะเวลาที่ใช้ในการขยายพันธุ์

ควรปลูกต้นกล้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน สำหรับพื้นที่มีน้ำใช้ตลอดปี ส่วนพื้นที่ไม่มีน้ำต้องรอเข้าฤดูฝน

การเตรียมแปลงปลูกและวิธีการปลูก

การเตรียมแปลง

การปลูกดอกตุ่มเงินตุ่มทอง ควรมีการไถพรวนกำจัดวัชพืชหรือฆ่าเชื้อโรคในแปลงปลูกอย่างน้อย 30-40 วัน รวมทั้งวัสดุปลูก เช่น เปลือกข้าว ปุ๋ยหมัก ขี้วัว

การเตรียมดิน

ปรับสภาพดินด้วยปูนขาว หว่านให้ทั่วแปลง ควรมีค่า pH ของดินประมาณ 5-6 และปรับพื้นที่ให้เรียบหรือปรับระดับสูง-ต่ำ เพื่อให้มีการระบายน้ำดีหรือมีการยกร่องในช่วงฤดูฝนเนื่องจากปริมาณน้ำมีมาก

เทคนิควิธีการปลูก

ขุดหลุมปลูกดอกตุ่มเงินตุ่มทองความกว้าง 30 เซนติเมตร ความยาว 30 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร ดินปลูกควรเป็นดินดี หรือดินเดิมที่เพิ่มอินทรีย์วัตถุ เพื่อปรับปรุงดินให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นำต้นกล้าตุ่มเงินตุ่มทองที่สมบูรณ์แข็งแรงดีลงปลูกในหลุมเตรียมดินแล้ว ปลูกต้นกล้าให้ตั้งตรงนำไม่ไผ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ความยาว 30 เซนติเมตร ปักลงข้างต้นกล้า ผูกเชือกฟางอ่อนเพื่อยึดลำต้นให้ตรงรดน้ำเพื่อให้ต้นกล้าแข็งแรง และเจริญเติบโตต่อไป

การดูแลรักษา

การจัดการด้านความเข้มแสง

ใช้แสงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม เพื่อให้มีการเจริญเติบโตการยืดของกิ่งให้มีความยาวตามความต้องการ

การจัดการด้านอุณหภูมิ

อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ช่วยในการเจิญเติบโตของตุ่มดอก ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและให้มีการยืดของกิ่งยอดหยุดการเจริญเติบโตต่อไป

ปุ๋ย

การใส่ปุ๋ยดอกตุ่มเงินตุ่มทอง ใส่ปุ๋ยครั้งแรกสูตร 15-15-15 จำนวน 80 กรัม ควรขุดหลุมลึก 10 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยและกลบดินทับปุ๋ยอีกครั้งรดน้ำตาม เพื่อให้การเจริญเติบโตของกิ่งสมบูรณ์แข็งแรงดีขึ้น ใส่ปุ๋ยให้ห่างกันประมาณ 30 วัน ใส่ประมาณ 3 ครั้ง ใส่ปุ๋ยครั้งที่สองสูตร 12-24-12 จำนวน 100 กรัม เมื่อมีตุ่มดอกโผล่ขึ้นตามช่วงใบจากล่างขึ้นบน รดน้ำตาม เพื่อให้ตุ่มดอกใหญ่ขึ้นใส่ประมาณ 3 ครั้ง

การให้น้ำ

1. ควรให้น้ำทุกๆ วัน ในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน

2. ควรให้น้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้งหรือวันเว้นวัน ในเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม

3. งดน้ำในช่วงฤดูฝน  ในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม

4. งดน้ำ ในเดือนพฤศจิกายน-มกราคม

โรคและศัตรูพืช

เพลี้ยแป้งทำลายที่ดอกและกิ่ง

วิธีป้องกัน

1. ตัดแต่งส่วนที่ถูกเพลี้ยแป้งเข้าทำลายออกเผาทำลาย

2. ฉีดพ่นสารเคมี เช่น มาลาไธออน ทามารอน กูซาไธออนทหรือแอคเทลิค ทุก 3-7 วัน ในช่วงที่เริ่มพบการเข้าทำลาย

ใบจุดสีน้ำตาล พบเชื้อรา Collectotrichum sp.

วิธีป้องกัน

1. ตัดแต่งใบที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูกเผาทำลาย

2. หากะบการเกิดโรคเล็กน้อยไม่ต้องใช้สารเคมีในการควบคุม แต่ถ้าพบการแพร่ระบาดและเกิดความเสียหายให้ใช้สารเคมี เช่น เบนเลท บาวิสติน หรือเดอราซาล ฉีดพ่นสลับกับไดเทนเอ็ม-45 แอนทราโคล หรือแคปแทน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

กิ่งเหี่ยวจากบนลงล่าง แล้วลามไปต้นอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากพบเชื้อแบคทีเรีย

วิธีป้องกัน

1. ขุดต้นที่แสดงอาการออกจากแปลงนำไปเผาทำลาย

2. ใช้โคแมก หรือคูปราวิตราดบริเวณหลุมที่ขุดออกและบริเวณใกล้เคียง สัปดาห์ละครั้ง

3. ถ้าพบการระบาดมากให้ใช้แคงเกอร์-เอ็กซ์ หรือไฟโตมัยซิน แต่ใช้ได้นานไม่เกิน 2 ครั้งต่อฤดูปลูก

แมลงวันหนหอนชอนใบ (Leaf miner flies) วงศ์ Agromyzidae

เกิดจากการทำลายที่เกิดจากตัวเต็มวัย โดยตัวเต็มวัยตัวเมียจะใช้อวัยวะวางไข่แทงเข้าไปในเซลล์ผิวใบพืชอาหารเขี่ยให้เซลล์แตกแล้วหันมาใช้ปากเลียกินน้ำเลี้ยงเซลล์

วิธีป้องกัน

1. ใช้กับดักกาวเหนียว

2. ใช้สารเคมีป้องกัน ได้แก่ โตกุไธออน (50 เปอร์เซ็นต์ EC) ไตรอะโซฟอส (ฮอสตาไธออน 40 เปอร์เซ็นต์ EC) และสารกลุ่มน้ำมัน (petroleum oil 99 เปอร์เซ็นต์ W/W CE) ฉีดพ่น

การเก็บเกี่ยว

ระยะเก็บเกี่ยว

เก็บเกี่ยวเมื่อกิ่งก้านและตุ่มดอกมีสีน้ำตาลออกสีแดงจนแก่จัด การเก็บเกี่ยวตัดเมื่อตุ่มดอกเริ่มแก่จัด แต่ยังไม่แตกออกมาถ้าหากตัดดอกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่กิ่งจะเหี่ยว และมีตุ่มดอกขนาดเล็ก แกะเปลือกหุ้มดอกได้ยาก

การวัดมาตรฐาน

เกรด                                        ความยาวก้าน

Extra                                         120 เซนติเมตร

1                                         80 - 100 เซนติเมตร

2                                         60 - 80 เซนติเมตร

3                                         40 - 60 เซนติเมตร

1. ดอกทุกชั้นต้องไม่มีตำหนิ ปราศจากโรคและแมลง เด็ดใบทิ้ง คัดเลือกก้านที่มีลักษณะตรงแข็งแรง คดงอได้ไม่เกิน 20 องศา จากโคนก้านตั้งแต่ 20 เซนติเมตร ขึ้นไปจนสุดปลายก้านต้องมีตุ้มดอกเรียงกันอย่างสม่ำเสมอ และมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนข้อ

2. การเข้ากำ เข้ากำละ 10 ก้าน แล้วห่อกด้วยกระดาษสีขาว

วิธีการเก็บเกี่ยว

ใช้กรรไกรตัดโคนกิ่งที่มีตุ่มดอกที่แก่จัด และเด็ดใบทิ้ง

สภาพแวดล้อมขณะเก็บเกี่ยว (ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยว)

ช่วงเช้าหรือตอนเย็นเพื่อป้องกันดอกเหี่ยว 

 

เอกสารอ้างอิง :

มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน). 2549. คู่มือการผลิตไม้ตัดดอกและไม้ตัดใบ. มูลนิธิโครงการหลวง. เชียงใหม่. 375 หน้า.